คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5229/2534

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ป.พ.พ. มาตรา 1728 และ 1729 กำหนดหน้าที่ของผู้จัดการมรดกที่ศาลตั้งว่าต้องลงมือจัดทำบัญชีทรัพย์มรดกภายในสิบห้าวันและให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ได้ฟังคำสั่งศาลแล้ว ถ้า ผู้จัดการมรดกมิได้จัดทำบัญชีภายในเวลาและตามแบบที่กำหนด ศาลมีอำนาจถอนผู้จัดการมรดกได้ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1731แสดงว่าทรัพย์มรดกของผู้ตายมีอะไรบ้างเป็นเรื่องที่สำคัญต้องให้ทายาทรับรู้เมื่อผู้ร้องมิได้จัดทำบัญชีทรัพย์มรดกภายในกำหนดเวลาดังกล่าว และพฤติการณ์ปรากฏว่าการจัดการมรดกของผู้ร้องส่อแสดงไปในทางไม่สุจริต เป็นการแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว หากจะให้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกต่อไปย่อมจะล่าช้าก่อให้เกิดความเสียหายแก่กองมรดกและทายาท กรณีมีเหตุสมควรที่จะถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดก ผู้ร้องฎีกาว่า การตั้งผู้จัดการมรดกได้ผ่านพ้นมากกว่า 10 ปีจึงขาดอายุความที่จะมาร้องคัดค้าน แต่ปัญหาดังกล่าวมิได้เป็นข้อที่ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ ทั้งมิได้เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย.

ย่อยาว

กรณีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของนายดาวู๊ดสะลาม ผู้ตาย ต่อมาผู้คัดค้านยื่นคำร้องว่าผู้คัดค้านเป็นน้องสาวผู้ร้อง เป็นทายาทผู้มีสิทธิรับมรดกของนายดาวู๊ด สะลาม นับแต่ผู้ร้องได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการมรดกมาเป็นเวลานานกว่า 10 ปี ยังไม่สามารถจัดากรแบ่งทรัพย์มรดกให้แก่ผู้ร้องและทายาทอื่นได้เสร็จสิ้น ผู้ร้องมิได้แสดงรายละเอียดทรัพย์มรดกตลอดทั้งไม่มีการแสดงบัญชีรายรับรายจ่าย พฤติการณ์ของผู้ร้องไม่เหมาะสมในการจัดการมรดก ขอให้สั่งถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตาย และตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกแทนต่อไป
ผู้ร้องยื่นคำคัดค้านว่า ผู้ร้องไม่เคยทำผิดหน้าที่ผู้จัดการมรดก ได้จัดสรรปันส่วนแบ่งมรดกให้แก่ทายาทครบถ้วนแล้ว และระยะเวลาเกินเลย 10 ปี จึงขาดอายุความที่จะคัดค้าน ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายและมีคำสั่งตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกแทนต่อไป
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงที่คู่ความนำสืบรับกันและมิได้โต้เถียงกันในชั้นฎีการับฟังเป็นยุติว่า ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกของนายดาวู๊ด สะลาม หรือดาวู้ด อับดุลสลาม ผู้ตาย ยังไม่ได้จัดทำบัญชีทรัพย์มรดกภายในกำหนดเวลาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1728, 1729 และมีทรัพย์มรดกที่ยังมิได้แบ่งปันอยู่คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาผู้ร้องว่า กรณีมีเหตุสมควรที่จะถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดกหรือไม่ และควรตั้งผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกแทนหรือไม่ ในข้อที่ผู้ร้องมิได้จัดทำบัญชีทรัพย์มรดก ผู้ร้องอ้างว่าหลังจากเจ้ามรดกถึงแก่กรรมแล้วมีการประชุมระหว่างทายาทแบ่งทรัพย์มรดกกัน มีการทำบันทึกข้อตกลงกันไว้ ทายาททุกคนต่างก็ทราบถึงทรัพย์มรดกที่ตนจะได้รับ ผู้ร้องจึงไม่จำต้องจัดทำบัญชีทรัพย์มรดก เห็นว่า กฎหมายได้กำหนดหน้าที่ของผู้จัดการมรดกไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1728 ว่า ผู้จัดการมรดกที่ศาลตั้งต้องลงมือจดทำบัญชีทรัพย์มรดกภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่ได้ฟังคำสั่งศาลแล้ว และมาตรา 1729 ระบุให้ผู้จัดการมรดกที่ศาลตั้งต้องจัดทำบัญชีทรัพย์มรดกให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ได้ฟังคำสั่งศาลแล้ว กับในมาตรา 1731 บัญญัติให้ศาลมีอำนาจถอนผู้จัดการมรดกได้ ถ้าผู้จัดการมรดกมิได้จัดทำบัญชีภายในเวลาและตามแบบที่กำหนด แสดงว่าทรัพย์มรดกของผู้ตายมีอะไรบ้าง เป็นเรื่องที่สำคัญต้องให้ทายาทได้รับรู้ไว้ เมื่อผู้จัดการมรดกมิได้จัดทำบัญชีทรัพย์มรดกภายในกำหนดเวลาดังกล่าว ศาลย่อมมีอำนาจที่จะใช้ดุลพินิจว่ามีเหตุสมควรที่จะถอนผู้จัดการมรดกหรือไม่ ที่ผู้ร้องอ้างว่ามีการทำบันทึกข้อตกลงแบ่งทรัพย์มรดกกันไว้นั้น ผู้ร้องก็มิได้นำมาแสดงต่อศาล เป็นการกล่าวอ้างลอย ๆ ไม่น่าเชื่อถือ เมื่อศาลมีคำสั่งตั้งให้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกแล้วผู้ร้องมีหน้าที่ต้องจัดทำบัญชีทรัพย์มรดกภายในเวลาและตามแบบที่กำหนดไว้ข้อกล่าวอ้างของผู้ร้องเป็นพิรุธไม่มีน้ำหนักรับฟังได้ นอกจากนี้ผู้ร้องยังมิได้แบ่งปันที่ดินที่อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการให้แก่ทายาท โดยผู้ร้องอ้างว่าไม่สามารถแบ่งได้เพราะสภาพที่ดินไม่สามารถแบ่งกันได้ว่าจะให้ทายาทได้รับกันคนละเท่าใดนั้นไม่มีเหตุผลให้รับฟัง แสดงว่าผู้ร้องไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะทำหน้าที่ผู้จัดการมรดกต่อไปได้ประกอบกับผู้ร้องได้ทำการโอนที่ดินโฉนดเลขที่ 27076 ตำบลบางกะปิ (ลาดพร้าวฝั่งเหนือ) อำเภอบางกะปิกรุงเทพมหานคร พร้อมตึกแถว 4 ชั้น 4 คูหา อันเป็นทรัพย์มรดกเป็นชื่อของผู้ร้องทางทะเบียน แล้วนำไปจดทะเบียนจำนองไว้แก่ธนาคารเป็นประกันหนี้ของห้างหุ้นส่วนจำกัดคูศรีสตีลและหนี้ของผู้ร้องเองในวงเงินสูงถึงสิบล้านบาทเศษ ผู้ร้องเบิกความว่าจะนำเงินมาดำเนินการปลูกสร้างแฟลตเพื่อหาผลประโยชน์ให้แก่ทายาท แต่ไม่ปรากฏว่าได้ดำเนินการตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด นายสงบ สะลาม พยานผู้ร้องซึ่งเป็นพี่คนโนก็เบิกความรับว่า การที่ผู้ร้องนำที่ดินไปจำนองนี้พี่น้องทุกคนไม่ทราบเรื่อง ทั้งไม่ตรงกับข้อตกลงที่ว่าจะยกที่ดินดังกล่าวให้แก่มารดาศาลฎีกาเห็นว่า พฤติการณ์ในการจัดการมรดกของผู้ร้องดังกล่าวส่อแสดงไปในทางไม่สุจริต เป็นการแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว หากจะให้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกต่อไป การจัดการมรดกย่อมจะล่าช่า ก่อให้เกิดความเสียหายแก่กองมรดกและทายาทได้ กรณีมีเหตุสมควรที่จะถอนผู้ร้องจากการเป็นผู้จัดการมรดกรายนี้ส่วนผู้คัดค้านเป็นทายาทผู้มีสิทธิได้รับมรดกคนหนึ่งของผู้ตายนับว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสียในคดี และมีคุณสมบัติไม่ต้องห้ามในการเป็นผู้จัดการมรดก ผู้คัดค้านจึงเหมาะสมที่จะเป็นผู้จัดการมรดกรายนี้แทนผู้ร้องต่อไป
ผู้ร้องฎีกาในข้อต่อมาว่า การตั้งผู้จัดการมรดกได้ผ่านพ้นมากว่า 10 ปีแล้ว จึงขาดอายุความที่จะมาร้องคัดค้านเห็นว่า ในปัญหาดังกล่าวมิได้เป็นข้อที่ยกเว้นขึ้นว่ากัน มาแล้วในศาลอุทธรณ์ ทั้งมิได้เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย…”
พิพากษายืน.

Share