แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลย ให้จำเลยนำส่งสำเนาฎีกาให้โจทก์ภายใน 7 วัน โดยมีคำสั่งในวันที่ยื่นฎีกา เมื่อตอนท้ายฎีกาเหนือลายมือชื่อทนายจำเลยผู้ยื่นฎีกามีข้อความที่แสดงว่าผู้ยื่นฎีการอฟังคำสั่งอยู่ ถ้า ไม่รอให้ถือว่าทราบแล้ว ทั้งในวันรุ่งขึ้นทนายจำเลยก็ได้มายื่นคำร้องขอส่งสำเนาฎีกาให้ทนายโจทก์แทนการส่งให้แก่ตัวโจทก์อีก ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาต แต่จำเลยก็มิได้จัดการนำส่งสำเนาฎีกาให้แก่โจทก์ จนล่วงเลยเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้นั้น พฤติการณ์เช่นนี้ฟังได้ว่าจำเลยทราบคำสั่ง ศาลชั้นต้น แล้วจงใจเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด เป็นการทิ้งฎีกา ศาลฎีกาให้จำหน่ายคดีจำเลยจากสารบบความของศาลฎีกา.
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าทางพิพาทเป็นทางภาระจำยอมให้จำเลยรื้อถอนสิ่งกีดขวางออกและห้ามกระทำการใด ๆอันเป็นเหตุให้ไม่สะดวกต่อการใช้ทางพิพาท จำเลยทั้งสองให้การและฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์ทั้งสามร่วมกันขอใช้เงิน 146,000 บาท แก่จำเลยที่ 1 พร้อมดอกเบี้ย ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์และยกฟ้องแย้งจำเลย โจทก์และจำเลยที่ 1 อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าทางพิพาทเป็นทางภาระจำยอม ให้จำเลยทั้งสองรื้อถอนสิ่งกีดขวางออกไปจากทางพิพาท ห้ามจำเลยกระทำการใด ๆ อันเป็นเหตุให้ไม่สะดวกต่อการใช้ทางพิพาทนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยที่ 1 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับฎีกาและกำหนดให้จำเลยที่ 1 นำส่งสำเนาฎีกาให้โจทก์ภายใน 7 วัน แต่จำเลยที่ 1ไม่นำส่งสำเนาฎีกาให้โจทก์ภายในระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งว่าจำเลยที่ 1 ทิ้งฎีกาให้จำหน่ายคดี
จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องอ้างว่าจำเลยที่ 1 หลงลืมไม่ได้วางเงินค่าพาหนะและค่าป่วยการในการส่งทนายฟ้องและสำเนาฎีกามิได้มีเจตนาที่จะทิ้งฎีกา ขอวางเงินค่าพาหนะและค่าป่วยการดังกล่าว
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า จำเลยที่ 1 ทิ้งฎีกาและจำหน่ายคดีไปแล้วกรณีไม่จำต้องไต่สวน ให้ยกคำร้อง
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 วินิจฉัยว่า ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลยที่ 1 แล้วคดีจึงอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาเมื่อจำเลยที่ 1 ไม่นำส่งสำเนาฎีกาให้แก่โจทก์ภายในระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดอันเป็นการทิ้งฟ้องฎีกา เป็นอำนาจของศาลฎีกาที่จะพิจารณาสั่ง คำสั่งศาลชั้นต้นไม่ชอบ พิพากษาให้ยกคำสั่งของศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาใหม่ให้ถูกต้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ส่งสำนวนไปศาลฎีกาเพื่อพิจารณาสั่ง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับฎีกาจำเลยที่ 1 และให้จำเลยที่ 1 นำส่งสำเนาฎีกาให้แก่โจทก์ภายใน 7 วันทั้งนี้โดยมีคำสั่งในวันที่ยื่นฎีกานั้นเอง ซึ่งในท้ายฎีกา เหนือลายมือชื่อทนายจำเลยที่ 1 ผู้ยื่นฎีกามีข้อความที่แสดงว่าผู้ยื่นฎีการอฟังคำสั่งอยู่ ถ้าไม่รอให้ถือว่าทราบแล้ว และต่อมาในวันรุ่งขึ้นทนายจำเลยที่ 1 ได้มายื่นคำร้องขอส่งสำเนาคำร้องขอทุเลาการบังคับคดี และสำเนาฎีกาให้ทนายโจทก์ทั้งสามแทนการส่งให้แก่ตัวโจทก์ทั้งสาม ซึ่งศาลชั้นต้นก็มีคำสั่งอนุญาต แต่จำเลยที่ 1 ก็มิได้จัดการนำส่งสำเนาฎีกาให้แก่โจทก์ทั้งสามแต่ประการใด โดยขณะที่เจ้าพนักงานศาลรายงานให้ศาลชั้นต้นทราบนั้น ล่วงเลยเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้เป็นเวลา 10 วันแล้วพฤติการณ์ดังกล่าวฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 ทราบคำสั่งศาลชั้นต้นแล้วจงใจเพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาตามที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้ เป็นการทิ้งฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174 (2) ประกอบมาตรา 247”
ให้จำหน่ายคดีจำเลยที่ 1 เสียจากสารบบความของศาลฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 132 (1).