คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3457/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยไม่ทราบว่าถูกโจทก์ฟ้องเป็นแต่เพียงเหตุที่จำเลยอาจขอให้พิจารณาใหม่ได้ แต่การยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่จะต้องกระทำภายในระยะเวลาตามที่บัญญัติไว้ใน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคแรก
ส่งคำบังคับให้แก่จำเลยโดยวิธีประกาศทางหนังสือพิมพ์รายวันเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2524 จะมีผลใช้ได้เมื่อกำหนดเวลา 15 วันได้ล่วงพ้นไปแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 วรรคสอง จึงมีผลในวันที่ 29 พฤษภาคม 2524 จำเลยอาจยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ได้ภายใน 15 วันนับแต่วันที่การส่งคำบังคับมีผล ซึ่งครบกำหนดในวันที่ 13 มิถุนายน 2524 แต่จำเลยไม่ทราบการถูกฟ้องและการส่งคำบังคับ การที่จำเลยมิได้ยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายในวันที่ 13 มิถุนายน 2524 นับได้ว่าไม่สามารถยื่นคำขอโดยพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ จึงอาจยื่นคำขอได้ภายในกำหนด15 วันนับแต่พฤติการณ์นั้นสิ้นสุดลง จำเลยทราบว่าถูกยึดที่ดินตามคำบังคับเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2524 ถือได้ว่าได้ทราบถึงการส่งคำบังคับแล้ว พฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ย่อมสิ้นสุดลงในวันดังกล่าว จำเลยจะต้องยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายในวันที่ 30 กรกฎาคม 2524 แต่เพิ่งมายื่นเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2524 ซึ่งล่วงพ้นระยะเวลาตามที่กฎหมายบัญญัติไว้แล้ว ย่อมไม่มีสิทธิขอให้พิจารณาใหม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองให้ร่วมกันชำระเงินกู้และดอกเบี้ย

จำเลยทั้งสองขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินกู้และดอกเบี้ยแก่โจทก์

ศาลชั้นต้นออกคำบังคับให้จำเลยทั้งสองปฏิบัติตามคำพิพากษาภายใน 30 วัน โดยประกาศทางหนังสือพิมพ์รายวันเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2524 ต่อมาศาลชั้นต้นออกหมายบังคับคดี แล้วโจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินของจำเลยที่ 1 เพื่อขายทอดตลาด

วันที่ 20 สิงหาคม 2524 จำเลยทั้งสองยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่อ้างว่าไม่ทราบว่าถูกฟ้อง และจำเลยทั้งสองไม่ได้กู้เงินโจทก์

โจทก์คัดค้านว่าจำเลยทั้งสองยื่นคำขอเมื่อเกินกำหนดเวลาที่กฎหมายบัญญัติไว้

ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งยกคำขอของจำเลยทั้งสอง

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยทั้งสองฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่จำเลยทั้งสองไม่ทราบว่าถูกโจทก์ฟ้องเป็นแต่เพียงเหตุที่จำเลยทั้งสองอาจขอให้พิจารณาใหม่ได้ แต่การยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่จะต้องกระทำภายในระยะเวลาที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคแรก กล่าวคือ จะต้องยื่นต่อศาลภายในสิบห้าวันนับจากวันที่ได้ส่งคำบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งให้แก่จำเลย แต่ถ้าศาลกำหนดการอย่างใด ๆ เพื่อส่งคำบังคับเช่นว่านี้โดยวิธีส่งหมายธรรมดาหรือวิธีอื่นแทน จะต้องได้มีการปฏิบัติตามกำหนดนั้นแล้ว อนึ่ง ถ้าคู่ความที่ขาดนัดไม่สามารถยื่นคำขอภายในระยะเวลาที่บัญญัติไว้ดังกล่าวโดยพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ คู่ความฝ่ายนั้นอาจยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ได้ภายในกำหนดสิบห้าวันนับแต่วันที่พฤติการณ์นั้นได้สิ้นสุดลงแต่กรณีจะเป็นอย่างไรก็ตาม ห้ามมิให้ยื่นคำขอเช่นว่านี้เมื่อพ้นกำหนดหกเดือนนับแต่วันที่ได้ยึดทรัพย์หรือได้มีการบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งโดยวิธีอื่น คดีนี้ได้มีการส่งคำบังคับให้แก่จำเลยโดยวิธีประกาศโฆษณาทางหนังสือพิมพ์รายวันเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2524 การส่งคำบังคับดังกล่าวมีผลใช้ได้เมื่อกำหนดเวลาสิบห้าวันได้ล่วงพ้นไปแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 วรรคสอง จึงมีผลในวันที่ 29 พฤษภาคม 2524 จำเลยทั้งสองอาจยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ได้ภายในสิบห้าวันนับแต่วันที่การส่งคำบังคับมีผลซึ่งครบกำหนดในวันที่ 13 มิถุนายน 2524 แต่จำเลยทั้งสองไม่ทราบการถูกฟ้องและการส่งคำบังคับ การที่จำเลยทั้งสองมิได้ยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายในวันที่ 13 มิถุนายน 2524 นับได้ว่าไม่สามารถยื่นคำขอโดยพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ จึงอาจยื่นคำขอได้ภายในกำหนดสิบห้าวันนับแต่วันที่พฤติการณ์นั้นสิ้นสุดลงข้อเท็จจริงฟังได้เป็นยุติว่าจำเลยทั้งสองได้ทราบว่าถูกยึดที่ดินตามคำบังคับเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2524 อันถือได้ว่าได้ทราบถึงการส่งคำบังคับแล้ว พฤติการณ์นอกเหนือที่ไม่อาจบังคับได้ย่อมสิ้นสุดลงในวันดังกล่าว จำเลยทั้งสองจะต้องยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายในวันที่ 30 กรกฎาคม 2524 แต่เพิ่งมายื่นเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2524 ซึ่งล่วงพ้นระยะเวลาตามที่บัญญัติไว้แล้วย่อมไม่มีสิทธิขอให้พิจารณาใหม่

พิพากษายืน

Share