คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 600/2493

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำพิพากษาของศาลที่วินิจฉัยคดีที่โจทก์เป็นความกับคนอื่นว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์นั้น แม้จะใช้ยันจำเลยซึ่งเป็นบุคคลภายนอกได้ก็ดี จำเลยก็ยังอาจพิสูจนได้ว่า ตนมีสิทธิดีกว่า
ที่ดินมือเปล่าที่อยู่ติดต่อกับที่นาของโจทก์ และโจกท์ไม่ได้ใช้สิทธิครอบครองปล่อยให้เป็นป่ารกร้างจนจำเลยได้ขออนุญาตจับจองก่อสร้างเป็นนาขึ้น ดังนี้ จำเลยย่อมมีสิทธิดีกว่าโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบุกรุกเข้าไปขุดหัวคันนาและปักดำข้าวในที่นาของโจทก์ นาแปลงนี้โจทก์ฟ้อง ส.ว่าแย่งกรรมสิทธิ์และศาลฎีกาพิพากษาว่าเป็นที่ของโจทก์ จำเลยต่อสู้ว่าที่พิพาทเป็นที่ว่างเปล่าจำเลยได้ขอจับจองแผ้วถางเป็นนาขึ้น ศาลชั้นต้นเชื่อว่าที่พิพาทเป็นนาโจทก์ พิพากษาห้ามจำเลยมิให้เกี่ยวข้องและใช้ค่าเสียหาย
ศาลอุทธรณ์เชื่อตามจำเลยนำสืบว่า เป็นที่น่าจำเลยจับจองก่อสร้างเป็นนา พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นพ้องกับศาลอุทธรณ์ว่า แม้ที่พิพาทจะเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินโจกท์เป็นความชนะกับ ส. ซึ่งศาลฎีกาพิพากษาว่าเป็นของโจทก์ และตามกฎหมายคำพิพากษานั้นอาจใช้ยันแก่บุคคลภายนอกเช่นจำเลยนี้ได้ดี แต่ก็ไม่ตัดสิทธิของจำเลยที่จะพิสูจน์กับตนมีสิทธิดีกว่า ศาลฎีกาเชื่อตามจำเลยนำสืบว่า
ที่พิพาทป่ารกร้างจนจำเลยจับจองก่อสร้างเป็นนาขึ้นใน พ.ศ. ๒๔๙๑ และที่นี้เป็นส่วนหนึ่งติดต่อกับที่โจทก์ แต่เป็นที่มือเปล่า เมื่อโจทก์ได้ใช้สิทธิครอบครองอย่างใดปล่อยให้เป็นป่ารกร้าง และในขณะนี้จำเลยเป็นฝ่ายใช้สิทธิครอบครองอยู่ก่อน ย่อมมีสิทธิดีกว่าโจทก์
พิพากษายืน

Share