แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พ.ร.บ.ว่าด้วยการทำพินัยกรรม์ พ.ศ. 2475 มีข้อความอย่างเดียวกับ ป.ม.แพ่ง ฯ บรรพ 6 มาตรา 1658.
พินัยกรรม์ทำเมื่อ พ.ศ. 2489 เป็นแบบเอกสารฝ่ายเมืองโดยมีบันทึกท้ายพินัยกรรม์เขียนไว้ว่าพินัยกรรม์นี้ได้ทำถูกต้องตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการทำพินัยกรรม์ 2475 มาตรา 7 อนุมาตรา 1 ถึง 3 นั้น แปลความหมายได้ว่า พินัยกรรม์ได้ทำถูกต้องตามความในอนุมาตรา 1 ถึง 3 ของมาตรา 1658 นั่นเอง จึงเป็นพินัยกรรม์ที่สมบูรณ์.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยแบ่งทรัพย์มฤดกของนางเปรี่ยมให้โจทก์ครึ่งหนึ่ง เป็นเงิน ๒๑๖๐ บาท จำเลยให้การต่อสู้ในข้อเท็จจริงและว่าที่ดินแลทรัพย์อื่นที่โจทก์ฟ้องนอกจากนั้น นางเปรี่ยมได้เอารวมเข้าทำพินัยกรรม์ยกให้แก่จำเลยและนายหงอมบุตรโจทก์แล้ว ในการพิจารณาจำเลยส่งพินัยกรรม์ของนางเปรี่ยม ซึ่งทำเป็นเอกสารฝ่ายเมือง โจทก์คัดค้านว่าจำเลยทำปลอมขึ้น และพินัยกรรม์มีรอยขีดฆ่าไม่ถูกต้องตามแบบพินัยกรรม พินัยกรรมจึงตกเป็นโมฆะ ต่อมานายรวยได้ร้องสอดขอเป็นจำเลยร่วม ศาลอนุญาต ศาลชั้นต้นฟังว่า พินัยกรรม์นางเปรี่ยมชอบด้วยกฎหมาย ทรัพย์ที่โจทก์ฟ้องนอกจากที่ดิน ๒ แปลงและเรือพาย ม้าตกเป็นของจำเลยตามพินัยกรรม์ พิพากษาให้เอาที่ดิน ๒ แปลงและเรือพายม้าที่เป็นมฤดกแบ่งให้โจทก์จำเลยคนละครึ่ง
ศาลอุทธรณ์ฟังว่า พินัยกรรม์ของนางเปรี่ยมชอบด้วยกฎหมาย แต่เรือพายม้าตกเป็นของจำเลย ส่วนที่ดินนั้นนางเปรี่ยมได้สละการครอบครองแล้ว จะเอามาเป็นมฤดกไม่ได้ พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา,
ศาลฎีกาเห็นว่า ในข้อที่จำเลยคัดค้านว่า บันทึกท้ายพินัยกรรม ซึ่งเขียนไว้ว่า ได้ทำถูกต้องตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการทำพินัยกรรม์ พ.ศ. ๒๔๗๕ มาตรา ๗ อนุมาตรา ๑ ถึง ๓ พ.ร.บ.ดังกล่าว ป.ม.แพ่งฯ บรรพ ๖ มีความทับเสียแล้วนั้น บันทึกนี้ก็หาทำให้พินัยกรรม์เสียไปไม่ เพราะตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการทำพินัยกรรม์ พ.ศ. ๒๔๗๕ มาตรา ๗ คงมีข้อความอย่างเดียวกับ ป.ม.แพ่งฯ บรรพ ๖ มาตรา ๑๖๕๘ บันทึกนั้นจึงแปลความหมายได้ว่า พินัยกรรม์ได้ทำถูกต้องตามความในอนุมาตรา ๑ ถึง ๓ ของมาตรา ๑๖๕๘ นั่นเอง ส่วนข้อเท็จจริงคงฟังว่าที่สวน ๑ ไร่เศษกับเรือพายม้าเป็นมฤดกของนางเปรี่ยม ให้แบ่งปันระหว่างโจทก์จำเลยตามส่วนที่ศาลชั้นต้นพิพากษามา นอกจากนั้นคงยืน.