แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีได้ความจากคำเบิกความของผู้เสียหายว่า จำเลยบอกว่าจะจับตัวไปส่งสถานีตำรวจ แล้วจำเลยก็คุมตัวผู้เสียหายไป และเตะผู้เสียหายในระหว่างทาง แล้วหาส่งตัวผู้เสียหายต่อกำนันหรืออำเภอไม่ เพียงเท่านี้ ศาลจะด่วนยกข้อหาฐานทำให้เสื่อมเสียอิสรภาพตาม กฎหมายลักษณะอาญามาตรา 270 เสียโดยไม่พิจารณาให้สิ้นกระแสความตามกระบวนพิจารณาหาชอบได้ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลย ฐานหน่วงเหนี่ยวกักขัง ทำให้เสื่อมเสียอิสรภาพ และทำร้ายร่างกายจำเลยปฏิเสธ ศาลชั้นต้นสืบตัวผู้เสียหาย 1 ปาก แล้วจำเลยยอมให้เงินผู้เสียหาย ศาลอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องในข้อหาฐานทำให้เสื่อมเสียอิสรภาพตามมาตรา 268 จำเลยที่ 1 รับว่าได้ใช้เท้าเตะเจ้าทุกข์ 1 ที โจทก์แถลงขอสืบพยานตามข้อหาในมาตรา 270 ต่อไป ศาลชั้นต้นสั่งให้งดสืบพยานแล้วพิพากษาปรับจำเลยฐานทำร้ายร่างกาย ส่วนข้อหาตามมาตรา 270 ให้ยกเสีย ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นเฉพาะข้อที่ยกฟ้องให้ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ จำเลย แล้วพิพากษาใหม่
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามคำเบิกความของผู้เสียหายได้ความว่า จำเลยบอกว่าจะจับตัวไปส่งสถานีตำรวจ แล้วจำเลยทั้ง 4 ก็คุมตัวผู้เสียหายไป และเตะผู้เสียหายในระหว่างทาง แล้วก็หาได้ส่งตัวผู้เสียหายต่อกำนันหรือตำรวจไม่ เท่าที่ปรากฏดังนี้ คดีมีเหตุอันควรจะพิจารณาข้อหาของโจทก์ที่กล่าวโทษจำเลยตามมาตรา 270 จะด่วนยกข้อหาโจทก์เสียโดยไม่พิจารณาให้สิ้นกระแสความตามกระบวนพิจารณาหาชอบไม่
พิพากษายืน