แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ ในวันนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยให้การรับสารภาพและขอเวลาชำระเงินให้โจทก์ หากถึงกำหนดไม่สามารถชำระเงินได้ก็ให้ศาลพิพากษาไปได้ ศาลชั้นต้นจึงนัดฟัง คำพิพากษาจำเลยลงชื่อรับทราบ ครั้นถึงวันเวลานัด จำเลยซึ่ง ทราบนัดแล้วไม่มาศาลและไม่มีการยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอ้างเหตุจำเป็นแต่ประการใด จึงถือได้ว่าจำเลยหลบหนีหรือจงใจไม่มาฟังคำพิพากษาซึ่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 182 วรรคสาม ให้ศาลออกหมายจับจำเลย หากไม่ได้ ตัวจำเลยมาภายใน 1 เดือน นับแต่วันออกหมายจับก็ให้ศาลอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลยได้ หาจำต้องแจ้งวันนัดอ่านคำพิพากษาให้จำเลยทราบอีกไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยจำเลยยื่นคำร้องว่า ในวันนัดอ่านคำพิพากษาครั้งแรกนั้น จำเลยป่วยมิได้มาศาลตามกำหนดนัด ศาลได้เลื่อนไปนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 11เมษายน 2526 และออกหมายจับจำเลย โดยมิได้แจ้งวันนัดให้จำเลยทราบเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะจำเลยมิได้หลบหนี ขอให้ศาลเพิกถอนรายงานกระบวนพิจารณาลงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2526 และวันที่ 11 เมษายน2526 กำหนดนัดให้จำเลยมาฟังคำพิพากษาใหม่ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าศาลได้อ่านคำพิพากษาไปจนคดีถึงที่สุดแล้ว ไม่มีอำนาจสั่งเพิกถอนศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าในวันนัดสืบพยานโจทก์เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2525 จำเลยขอให้การรับสารภาพและขอเวลาชำระเงินให้โจทก์ภายในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2526 หากถึงกำหนดไม่สามารถชำระเงินได้ ให้ศาลพิพากษาไปได้ และคู่ความไม่ติดใจสืบพยาน ศาลชั้นต้นจึงให้นัดฟังคำพิพากษาวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2526เวลา 13.30 นาฬิกา ตัวจำเลยและทนายความทั้งสองฝ่ายได้ลงชื่อในรายงานกระบวนพิจารณาแล้ว ครั้นถึงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2526 จำเลยและนายประกันไม่มาศาลและไม่ได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดี โจทก์แถลงว่าจำเลยไม่เคยติดต่อกับโจทก์และไม่ได้ชำระหนี้ให้เลย ศาลชั้นต้นถือว่านายประกันผิดสัญญา ให้ปรับนายประกันกับออกหมายจับจำเลย และให้เลื่อนไปนัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 11 เมษายน 2526 เวลา 11 นาฬิกาถึงวันนัดโจทก์มาศาล จำเลยไม่มา ศาลชั้นต้นจึงอ่านคำพิพากษาให้โจทก์ฟังฝ่ายเดียว ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยมีว่า การที่ศาลชั้นต้นออกหมายจับจำเลยแล้วอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลยโดยมิได้แจ้งวันนัดให้จำเลยทราบเป็นการชอบด้วยวิธีพิจารณาความอาญาหรือไม่
พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้นลงวันที่ 10 พฤศจิกายน 2525 จำเลยได้แถลงรับไว้ว่าหากจำเลยไม่สามารถชำระเงินให้โจทก์ได้ภายในกำหนดก็ให้ศาลพิพากษาไปได้ ซึ่งศาลชั้นต้นได้นัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2526 เวลา 13.30 นาฬิกา จำเลยได้ลงชื่อรับทราบตามรายงานกระบวนพิจารณานั้นแล้ว ครั้นถึงวันเวลานัดจำเลยซึ่งทราบวันเวลานัดแล้วไม่มาศาลและไม่มีการยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอ้างเหตุจำเป็นแต่ประการใด กรณีจึงถือได้ว่าจำเลยหลบหนีหรือจงใจไม่มาฟังคำพิพากษา ซึ่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 182วรรคสาม ให้ศาลออกหมายจับจำเลย เมื่อได้ออกหมายจับแล้วไม่ได้ตัวจำเลยมาภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันออกหมายจับก็ให้ศาลอ่านคำพิพากษาลับหลังจำเลยได้ หาจำต้องแจ้งวันนัดอ่านคำพิพากษาให้จำเลยทราบอีกไม่ ศาลชั้นต้นดำเนินการชอบด้วยวิธีพิจารณาความแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน