แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
หนังสือของกองทะเบียนคนต่างด้าวและภาษีอากรที่มท 0613.01/2792 ลงวันที่ 10 กันยายน 2528 เรื่อง คนญวนอพยพที่ถูกถอนสัญชาติตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 337 ยื่นขอรับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว กำหนดให้นายทะเบียนคนต่างด้าวทุกแห่งทราบและถือปฏิบัติดังนี้ 1. ให้เจ้าหน้าที่ทะเบียนคนต่างด้าวรับคำร้องพร้อมรูปถ่ายและหลักฐานประกอบเรื่องไว้ 2. ให้นายทะเบียนคนต่างด้าวท้องที่ที่รับคำร้องรวบรวมเรื่องส่งให้กองทะเบียนคนต่างด้าวและภาษีอากรพิจารณา 3. ให้นายทะเบียนคนต่างด้าวท้องที่แจ้งให้ผู้ยื่นคำร้องทราบด้วยว่า เมื่อกองทะเบียนคนต่างด้าวและภาษีอากรพิจารณาสิ้นสุดผลเป็นประการใดจะได้แจ้งให้ผู้ร้องทราบ และตอนท้ายสุดมีข้อความว่า “จึงแจ้งมาเพื่อทราบและถือปฏิบัติตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป” นั้น เป็นคำสั่งกำหนดวิธีปฏิบัติอันเป็นขั้นตอนในการพิจารณาคำร้อง ขอให้ออกใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว การที่จำเลยที่ 2 ปฏิบัติราชการแทนจำเลยที่ 1ซึ่งเป็นนายทะเบียนคนต่างด้าวในเขตท้องที่อำเภอเมืองหนองคายดำเนินการตามขั้นตอนดังกล่าว มิใช่การปฏิเสธไม่ออกใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวให้แก่โจทก์ จำเลยทั้งสองยังมิได้โต้แย้งสิทธิหรือหน้าที่ของโจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง.
ย่อยาว
โจทก์ทั้งสี่สำนวนฟ้องว่า โจทก์ทั้งสี่เกิดในประเทศไทยได้สัญชาติไทยโดยการเกิดตามกฎหมาย ต่อมาโจทก์ทั้งสี่ถูกถอนสัญชาติไทยโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 337 เมื่อวันที่ 12ธันวาคม 2529 โจทก์ทั้งสี่ยื่นคำร้องขอใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวต่อนายทะเบียนคนต่างด้าวสถานีตำรวจภูธร อำเภอเมืองหนองคายจังหวัดหนองคาย ซึ่งเป็นท้องที่ที่โจทก์ทั้งสี่มีภูมิลำเนาและตั้งบ้านเรือนอยู่ จำเลยที่ 2 ซึ่งปฏิบัติราชการแทนจำเลยที่ 1 ที่เป็นนายทะเบียนคนต่างด้าว รับคำร้องพร้อมหลักฐานประกอบจากโจทก์ทั้งสี่ไว้ แต่ไม่ยอมออกใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวให้ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองออกใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวให้แก่โจทก์ทั้งสี่หากจำเลยทั้งสองไม่ปฏิบัติ ให้ถือเอาคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลยทั้งสอง
จำเลยทั้งสองทั้งสี่สำนวนให้การต่อสู้คดีหลายประการ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์ทั้งสี่สำนวนอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับ ให้จำเลยที่ 1 ในฐานะนายทะเบียนคนต่างด้าวอำเภอเมืองหนองคาย หรือจำเลยที่ 2 ในฐานะปฏิบัติราชการแทนจำเลยที่ 1 ออกใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวให้โจทก์ทั้งสี่ คำขอนอกจากนี้ให้ยกค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ
จำเลยทั้งสองทั้งสี่สำนวนฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 เป็นสารวัตรใหญ่สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองหนองคาย มีอำนาจหน้าที่เป็นนายทะเบียนคนต่างด้าวในเขตท้องที่อำเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย โดยตำแหน่ง ส่วนโจทก์ทั้งสี่เป็นผู้มีเชื้อชาติและสัญชาติญวน เจ้าหน้าที่ได้จัดทำบัตรประจำตัวญวนอพยพให้โจทก์ทั้งสี่ดังปรากฏตามเอกสารหมาย จ.24 จ.28 จ.31 และ จ.34 ตามลำดับ เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2529 โจทก์ทั้งสี่ได้ยื่นคำร้องขอรับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวต่อนายทะเบียนคนต่างด้าว สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองหนองคายตามเอกสารหมาย จ.5 ถึง จ.12 โดยอ้างว่าโจทก์ทั้งสี่เป็นบุตรของคนญวนอพยพที่เกิดในราชอาณาจักรไทย ได้สัญชาติไทยโดยการเกิดแต่ถูกถอนสัญชาติตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 337 จำเลยที่ 1 ไม่อยู่ปฏิบัติราชการในวันดังกล่าว จำเลยที่ 2 ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นสารวัตรสืบสวนสอบสวนปฏิบัติราชการแทนจำเลยที่ 1 ได้รับคำร้องและหลักฐานประกอบคำร้องของโจทก์ทั้งสี่ไว้ดำเนินการต่อไปตามหนังสือของกองทะเบียนคนต่างด้าวและภาษีอากร ที่ มท 0613.01/2792 ลงวันที่ 10 กันยายน 2528เรื่อง คนญวนอพยพที่ถูกถอนสัญชาติตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่337 ยื่นขอรับใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว เอกสารหมาย ล.2ซึ่งกำหนดให้นายทะเบียนคนต่างด้าวทุกแห่งทราบและถือปฏิบัติดังนี้
1. ให้เจ้าหน้าที่ทะเบียนคนต่างด้าวรับคำร้องพร้อมรูปถ่ายและหลักฐานประกอบเรื่องไว้
2. ให้นายทะเบียนคนต่างด้าวท้องที่ที่รับคำร้องรวบรวมเรื่องส่งให้กองทะเบียนคนต่างด้าวและภาษีอากรพิจารณา
3. ให้นายทะเบียนคนต่างด้าวท้องที่แจ้งให้ผู้ยื่นคำร้องทราบด้วยว่าเมื่อกองทะเบียนคนต่างด้าวและภาษีอากรพิจารณาสิ้นสุดผลเป็นประการใดจะได้แจ้งให้ผู้ร้องทราบ
หลังจากจำเลยที่ 2 ได้ปฏิบัติตามหนังสือดังกล่าวครบทั้งสามข้อโดยแจ้งให้โจทก์ทั้งสี่ทราบตามข้อ 3. เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2529แล้ว โจทก์ทั้งสี่ได้มอบให้ทนายความมีหนังสือบอกกล่าวให้จำเลยทั้งสองรีบออกใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวแก่โจทก์ทั้งสี่ภายในกำหนด7 วัน นับแต่วันได้รับหนังสือบอกกล่าว เจ้าหน้าที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองหนองคายได้รับหนังสือบอกกล่าวโดยเซ็นชื่อในใบตอบรับไปรษณีย์ เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2530 แต่จำเลยทั้งสองมิได้ออกใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวให้แก่โจทก์ทั้งสี่ภายใน 7 วันนับแต่วันดังกล่าว
ปัญหาสมควรวินิจฉัยก่อนประเด็นข้ออื่นมีว่า การที่จำเลยที่ 2ปฏิบัติตามหนังสือของกองทะเบียนคนต่างด้าวและภาษีอากร โดยส่งคำร้อง รูปถ่าย และหลักฐานประกอบคำร้องของโจทก์ทั้งสี่ไปยังกองทะเบียนคนต่างด้าวและภาษีอากรเพื่อพิจารณา เป็นการปฏิเสธไม่ออกใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวตามคำร้องของโจทก์ทั้งสี่อันเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ทั้งสี่หรือไม่ พิเคราะห์แล้วเห็นว่าหนังสือกองทะเบียนคนต่างด้าวและภาษีอากร ที่ มท 0613.01/2792ตามเอกสารหมาย ล.2 ดังกล่าว ข้างต้น มีข้อความตอนสุดท้ายว่า”จึงแจ้งมาเพื่อทราบและถือปฏิบัติตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป” เป็นคำสั่งกำหนดวิธีปฏิบัติอันเป็นขั้นตอนในการพิจารณาคำร้องขอให้ออกใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว จำเลยที่ 2 ดำเนินการตามขั้นตอนดังกล่าวนี้มิใช่การปฏิเสธไม่ออกใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวให้แก่โจทก์ทั้งสี่ จำเลยทั้งสองยังมิได้โต้แย้งสิทธิหรือหน้าที่ของโจทก์ทั้งสี่ โจทก์ทั้งสี่จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องของโจทก์ทั้งสี่สำนวน.