แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยค้างชำระค่าเช่าซื้อรถก่อนโจทก์บอกเลิกสัญญาเป็นเงิน 111,000 บาท ข้อสัญญาเช่าซื้อที่ให้ผู้เช่าซื้อชำระค่าเสียหายเท่าจำนวนเงินค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระก่อนเลิกสัญญาแก่เจ้าของ เป็นการกำหนดเบี้ยปรับไว้ล่วงหน้าแต่เมื่อโจทก์ไปยึดรถคืนมา รถมีสภาพทรุดโทรมมากและโจทก์นำไปขายได้เพียง 50,000 บาท ต่ำกว่าราคาที่เช่าซื้อมาก ดังนี้โจทก์เรียกค่าเสียหายเท่ากับราคาเช่าซื้อที่ค้างชำระ จึงเป็นค่าเสียหายที่พอสมควร
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ เช่าซื้อรถแทรกเตอร์ไปจากโจทก์โดยมีจำเลยที่ ๒ เป็นผู้ค้ำประกัน จำเลยที่ ๑ ผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อสองงวดติดกัน โจทก์บอกเลิกสัญญาและยึดรถคืนมา ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าเสียหายเป็นเงิน ๑๑๑,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองให้การว่า โจทก์หลอกลวงขายรถเก่าสภาพชำรุดให้จำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๑ ได้บอกเลิกสัญญากับนายโอฬารผู้รับมอบอำนาจของโจทก์แล้ว โจทก์ได้รับรถคืนไปแล้ว จำเลยไม่ต้องรับผิดใช้เงินค่าเช่าซื้ออีกขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณาศาลชั้นต้น จำเลยที่ ๒ ถึงแก่ความตายโจทก์ขอถอนฟ้องเฉพาะจำเลยที่ ๒ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยที่ ๑ ใช้ค่าเสียหายให้โจทก์เป็นเงิน ๑๑๑,๐๐๐ บาท
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า จำเลยที่ ๑ ค้างชำระค่าเช่าซื้อก่อนเลิกสัญญาตั้งแต่เดือนกันยายน ๒๕๒๒ ถึงเดือนมีนาคม ๒๕๒๓ เป็นเงิน ๑๑๑,๐๐๐ บาท ที่สัญญาเช่าซื้อดังกล่าวข้อ ๖ ระบุว่า ในกรณีที่สัญญาสิ้นสุดลงด้วยเหตุใดก็ดี ผู้เช่าซื้อจะต้องชำระค่าเสียหายเท่าจำนวนเงินค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระก่อนเลิกสัญญาให้แก่เจ้าของนั้นเป็นการกำหนดปรับไว้ล่วงหน้า ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เมื่อโจทก์ไปยึดรถแทรกเตอร์คันพิพาทคืนมารถมีสภาพทรุดโทรมมากอันเนื่องมาจากการใช้รถที่เช่าซื้อของจำเลยที่ ๑ และโจทก์นำไปขายได้ในราคาเพียง ๕๐,๐๐๐ บาท ต่ำกว่าราคาที่เช่าซื้อมาก พิเคราะห์พฤติการณ์ทางได้เสียของโจทก์แล้ว เห็นว่าโจทก์เรียกค่าเสียหายมาเท่ากับค่าเช่าซื้อที่ค้างชำระเป็นค่าเสียหายที่พอสมควร ฎีกาของจำเลยที่ ๑ ที่ขอให้ลดจำนวนค่าเสียหายลงนั้นฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน