แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คู่ความจะร้องขอเลื่อนคดีได้จะต้องเป็นกรณีมีเหตุจำเป็นตามที่บัญญัติไว้ในประมวล-กฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 40 และการอนุญาตให้เลื่อนคดีหรือไม่เป็นดุลพินิจของศาล ซึ่งศาลจะให้เลื่อนคดีหรือไม่ก็ได้ แต่ศาลก็ต้องใช้ดุลพินิจอย่างมีเหตุผลด้วย ในวันนัดสืบพยานนัดแรกซึ่งเป็นการนัดสืบพยานโจทก์ทนายจำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอ้างเหตุว่า ไม่สามารถมาศาลเพื่อซักค้านพยานโจทก์ได้เนื่องจากมีอาการปวดศีรษะ เจ็บคออันเนื่องมาจากไข้หวัด ซึ่งเป็นการอ้างเหตุขอเลื่อนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 41 หากข้ออ้างเป็นความจริง ก็ถือได้ว่าเป็นกรณีมีเหตุจำเป็นและมีเหตุสมควรที่ศาลชั้นต้นควรให้เลื่อนคดีตามมาตรา 40 ดังกล่าว เมื่อโจทก์รับสำเนาคำร้องขอเลื่อนคดีแล้วแถลงคัดค้านว่าจำเลยประวิงคดี โจทก์มิได้คัดค้านโดยตรงว่าจำเลยมิได้ป่วยเจ็บตามที่อ้างมา และมิได้คัดค้านว่าคำร้องของทนายจำเลยไม่เป็นความจริง จึงเท่ากับโจทก์ยอมรับว่าทนายจำเลยป่วยเจ็บตามที่อ้างในคำร้อง การร้องขอเลื่อนคดีโดยอ้างเหตุเจ็บป่วยนั้น ตามประมวล-กฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 40 และ 41 มิได้บังคับว่าผู้ที่อ้างว่าป่วยเจ็บนั้นจะต้องมีใบรับรองแพทย์มาแสดงด้วย จึงอยู่ที่ข้อเท็จจริงว่าทนายจำเลยป่วยเจ็บจริงหรือไม่ หากศาลมีความสงสัยว่าทนายจำเลยป่วยเจ็บจริงหรือไม่ และอาการที่อ้างว่าป่วยเจ็บนั้นจะร้ายแรงถึงกับไม่สามารถจะมาศาลได้หรือไม่ ศาลก็มีอำนาจไต่สวนคำร้องขอเลื่อนคดีก่อนได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 21 (4) หรือจะตั้งเจ้าพนักงานของศาลไปทำการตรวจดูว่าทนายจำเลยป่วยเจ็บหรือไม่เพียงใดแล้วจึงวินิจฉัยและมีคำสั่งอย่างหนึ่งอย่างใดเกี่ยวกับคำร้องขอเลื่อนคดีนั้น ตามมาตรา 41การที่ศาลชั้นต้นมิได้ดำเนินการตามบทกฎหมายดังกล่าวย่อมแสดงว่าศาลชั้นต้นมิได้มีความสงสัยในเรื่องที่จำเลยอ้างว่าป่วยเจ็บตามคำร้องดังกล่าว จึงรับฟังได้ว่าทนายจำเลยป่วยเจ็บและไม่สามารถมาศาลได้ เป็นกรณีมีเหตุจำเป็นสมควรให้เลื่อนคดีตามคำร้องของทนายจำเลย ส่วนข้อที่ว่าจำเลยยังมิได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้นั้น ไม่ใช่เหตุผลที่จะนำมาพิจารณาว่าสมควรให้เลื่อนคดี เพราะคู่ความอ้างว่าเจ็บป่วยตามมาตรา 40 หรือไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยและนายสุรฤทธิ์ คงมีสุข ได้กู้ยืมเงินจากโจทก์ ๑๐๐,๐๐๐ บาทกำหนดใช้เงินคืนภายใน ๑ ปี นับแต่กู้ยืมเงินไปแล้วจำเลยไม่ได้ชำระเงินต้นและดอกเบี้ยให้โจทก์ โจทก์ขอคิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี เป็นเวลา ๕ ปี เป็นเงินดอกเบี้ย ๑๓๗,๕๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเงินเสร็จให้แก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยกู้ยืมเงินจากโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นกำหนดให้โจทก์มีหน้าที่นำสืบก่อน ในวันนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์ทนายโจทก์ จำเลยและเสมียนทนายจำเลยมาศาล ทนายจำเลยมอบฉันทะให้เสมียนทนายนำคำร้องมายื่น ตามคำร้องอ้างว่าทนายจำเลยป่วยมีอาการปวดศีรษะ เจ็บคอ อันเนื่องมาจากไข้หวัดใหญ่จึงไม่สามารถมาซักค้านพยานโจทก์ได้ ขอเลื่อนคดี ทนายโจทก์แถลงคัดค้านว่าจำเลยจำเลยประวิงคดีศาลชั้นต้นพิเคราะห์แล้ว เห็นว่า จำเลยอ้างว่าป่วย แต่มิได้มีใบรับรองแพทย์เป็นเพียงกล่าวอ้างลอย ๆประกอบกับจำเลยยังมิได้ยื่นบัญชีพยาน การกระทำของจำเลยมีเหตุเชื่อว่าเป็นการประวิงคดี และเพื่อจะขอยื่นบัญชีระบุพยาน จึงมีคำสั่งไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดี ค่าคำร้องเป็นพับ ให้โจทก์นำพยานเข้าสืบจนเสร็จ จำเลยไม่มีสิทธิสืบพยาน เพราะไม่ได้ยื่นบัญชีระบุพยาน แล้วพิพากษาให้จำเลยชำระเงินต้น๑๐๐,๐๐๐ บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีเป็นเวลา ๕ ปี แต่ดอกเบี้ยต้องไม่เกิน๓๗,๕๐๐ บาท และดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๒ พิพากษายกคำสั่งและคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดี และให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีข้อวินิจฉัยว่า ควรให้จำเลยเลื่อนคดีตามคำร้องของทนายจำเลยหรือไม่ พิเคราะห์แล้วเห็นว่า คู่ความจะร้องขอเลื่อนคดีได้จะต้องเป็นกรณีมีเหตุจำเป็นตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๔๐ ที่ได้แก้ไขแล้ว และการอนุญาตให้เลื่อนคดีหรือไม่เป็นดุลพินิจของศาล กล่าวคือศาลจะให้เลื่อนคดีหรือไม่ก็ได้ แต่ศาลก็ต้องใช้ดุลพินิจอย่างมีเหตุผลด้วย ข้อเท็จจริงได้ความว่า ในวันนัดสืบพยานนัดแรกซึ่งเป็นการนัดสืบพยานฝ่ายโจทก์ ทนายจำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอ้างเหตุว่า ไม่สามารถมาศาลเพื่อซักค้านพยานโจทก์ได้เนื่องจากมีอาการปวดศีรษะเจ็บคออันเนื่องมาจากไข้หวัดใหญ่ ซึ่งเป็นการอ้างเหตุขอเลื่อนคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๔๑ หากข้ออ้างดังกล่าวเป็นความจริง ก็ถือได้ว่าเป็นกรณีมีเหตุจำเป็นและมีเหตุสมควรที่ศาลชั้นต้นควรให้เลื่อนคดีตามมาตรา ๔๐ ดังกล่าว เมื่อโจทก์รับสำเนาคำร้องขอเลื่อนคดีแล้วแถลงคัดค้านว่าจำเลยประวิงคดี โจทก์มิได้คัดค้านโดยตรงว่า จำเลยมิได้ป่วยเจ็บตามที่อ้างมาในคำร้องนั้น และมิได้คัดค้านว่าคำร้องของทนายจำเลยไม่เป็นความจริง จึงเท่ากับโจทก์ยอมรับว่าทนายจำเลยป่วยเจ็บตามที่อ้างมาในคำร้องนั้น ที่ศาลชั้นต้นเห็นว่า ทนายจำเลยไม่มีใบรับรองแพทย์มาแสดงเป็นการกล่าวอ้างลอย ๆ นั้น เห็นว่า การร้องขอเลื่อนคดีโดยอ้างเหตุว่าป่วยเจ็บนั้น ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๔๐ และ ๔๑ มิได้บังคับว่าผู้ที่อ้างว่าป่วยเจ็บนั้นจะต้องมีใบรับรองแพทย์มาแสดงด้วย จึงอยู่ที่ข้อเท็จจริงว่าทนายจำเลยป่วยเจ็บจริงหรือไม่ หากศาลมีความสงสัยว่าทนายจำเลยจะป่วยเจ็บจริงหรือไม่ และอาการที่อ้างว่าป่วยเจ็บนั้นจะร้ายแรงถึงกับไม่สามารถจะมาศาลได้หรือไม่ ศาลก็มีอำนาจไต่สวนคำร้องขอเลื่อนคดีเสียก่อนได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๑ (๔) หรือจะตั้งเจ้าพนักงานศาลไปทำการตรวจดูว่าทนายจำเลยป่วยเจ็บหรือไม่ เพียงใด แล้วจึงวินิจฉัยและมีคำสั่งอย่างหนึ่งอย่างใดเกี่ยวกับคำร้องนั้น ตามมาตรา ๔๑ ก็ได้ การที่ศาลชั้นต้นมิได้ดำเนินการตามบทกฎหมายดังกล่าว ย่อมแสดงว่าศาลชั้นต้นมิได้มีความสงสัยในเรื่องที่ทนายจำเลยอ้างว่าป่วยเจ็บตามคำร้องดังกล่าว จึงรับฟังได้ว่าทนายจำเลยป่วยเจ็บและไม่สามารถมาศาลได้ เป็นกรณีมีเหตุจำเป็นสมควรให้เลื่อนคดีตามคำร้องของทนายจำเลย ที่ศาลชั้นต้นเห็นว่าจำเลยยังมิได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้นั้น ก็เห็นว่า ไม่ใช่เหตุผลที่จะนำมาพิจารณาว่า สมควรให้เลื่อนคดีเพราะคู่ความอ้างว่าป่วยเจ็บตามมาตรา ๔๐ หรือไม่ ศาลอุทธรณ์ภาค ๒ วินิจฉัยว่า มีเหตุสมควรให้จำเลยเลื่อนคดีนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.