แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การซื้อขายข้าวสารและรำราคาเกิน 500 บาท ซึ่งผู้ซื้อได้รับของไปแล้ว ไม่ต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือก็ฟ้องให้ชำระราคาได้
ตัวแทนไม่ต้องรับผิดต่อคนภายนอกเป็นส่วนตัว ในสัญญาที่ได้ทำแทนตัวการ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อเดือนธันวาคม 2491 จำเลยทั้ง 4 ซื้อของจากโจทก์คือ ข้าวสาร 50 กระสอบ ราคา 6,150 บาท รำ 60 กระสอบราคา 2,160 บาทรวม 8,130 บาท จำเลยใช้ให้แล้ว 6,410 บาทยังคงค้างอยู่อีก 1,900 บาท โจทก์เตือนให้จำเลยชำระ จำเลยหาชำระไม่จึงขอให้บังคับจำเลยใช้เงิน1,900 บาท กับดอกเบี้ยที่ค้าง 135 บาท รวมเป็นเงิน 2,035 บาท กับดอกเบี้ยตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
นายยกลั่น และนางปุ้ยจำเลยให้การว่า เป็นสามีภรรยากัน ปฏิเสธว่าไม่เคยซื้อข้าวสาร และรำไปจากโจทก์ แต่นางกิมเฉี้ยวจำเลยซึ่งเป็นบุตรของจำเลยทั้ง 2 เคยซื้อข้าวสารและรำจากโจทก์ จำเลยทั้ง 2 ไม่ต้องรับผิด โจทก์ไม่เคยทวงให้จำเลยทั้ง 2 ชำระหนี้
นางกิมเฉี้ยวจำเลยให้การว่า ได้เป็นผู้ซื้อข้าวสารและรำจากโจทก์แต่ได้ชำระเงินให้โจทก์เสร็จสิ้นไปแล้ว
นายเม่ง จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ
ศาลจังหวัดปากพนังพิจารณาแล้ว เห็นว่า นางกิมเฉี้ยวจำเลยรับว่าได้ซื้อข้าวสาร และรำจากโจทก์จริง แต่สืบไม่สมว่าได้ชำระเงินให้โจทก์หมดสิ้นแล้ว ฟังว่ายังค้างเงินอยู่ 1,900 บาท ตามฟ้องเฉพาะนายเม่งจำเลยไม่มีพยานโจทก์ว่าได้ร่วมทำการซื้อขายรายนี้อย่างใด ส่วนนายยกลั่นและนางปุ้ยจำเลยนั้น ฟังว่าได้ร่วมทำการซื้อข้าวสารและรำรายนี้จากโจทก์ จึงต้องร่วมรับผิดชอบใช้เงินที่ค้างร่วมกับนางกิมเฉี้ยวด้วยพิพากษา ให้นายยกลั่น นางปุ้ย นางกิมเฉี้ยว จำเลยใช้เงิน 1,900 บาทแก่โจทก์ กับดอกเบี้ยร้อยละ 7 ครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ พร้อมทั้งค่าฤชาธรรมเนียมกับค่าทนายความ 120 บาท ฟ้องของโจทก์เฉพาะนายเม่งจำเลยให้ยกเสีย
นางกิมเฉี้ยว นายยกลั่น นางปุ้ย อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนและให้จำเลยทั้ง 3 เสียค่าทนายชั้นอุทธรณ์ 50 บาทแก่โจทก์
นางกิมเฉี้ยว นายยกลั่น นางปุ้ย ฎีกา
ศาลฎีกาได้ตรวจสำนวนและประชุมปรึกษาแล้ว ที่นางกิมเฉี้ยวยกข้อต่อสู้ว่าการซื้อขายรายนี้เกินกว่า 500 บาท เมื่อมิได้ทำเป็นหนังสือหรือลงลายมือชื่อจำเลย ๆ ย่อมไม่ต้องรับผิดนั้น จำเลยเข้าใจกฎหมายผิด เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องที่จะต้องวินิจฉัยว่า สัญญาซื้อขายจะบังคับกันได้หรือไม่ แต่เป็นเรื่องที่การซื้อขายได้สำเร็จเด็ดขาดไปแล้วข้อวินิจฉัยมีแต่เพียงว่าจำเลยชำระราคาของที่ตนได้รับไปแล้ว หมดหรือยังหรือนัยหนึ่งเป็นเรื่องซื้อของเชื่อเท่านั้น ซึ่งตามข้อเท็จจริงที่ศาลล่างทั้ง 2 ฟังต้องกันมาว่า นางกิมเฉี้ยวจำเลยยังชำระให้ไม่หมดนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย
แต่ข้อที่ศาลล่างฟังว่า นายยกลั่น กับนางปุ้ยเป็นผู้ร่วมทำการซื้อขายข้าวและรำจากโจทก์นั้น ข้อเท็จจริงฟังได้แต่เพียงว่านายยกลั่นกับนางปุ้ย เป็นผู้มาติดต่อกับโจทก์แทนนางกิมเฉี้ยวผู้เป็นบุตร หรือนัยหนึ่งนายยกลั่นกับนางปุ้ยได้กระทำการเป็นตัวแทนบุตรเท่านั้น จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์เป็นส่วนตัว
อาศัยเหตุดังกล่าวมาแล้ว จึงพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับตัวนายยกลั่น นางปุ้ย จำเลยเสียค่าฤชาธรรมเนียมทั้ง 3 ศาลและค่าทนายให้เป็นพับไปด้วยกันทุกฝ่ายนอกนั้นยืน