แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
หนังสือรับรองราคาที่ดิน ที่เจ้าพนักงานที่ดินออกให้ เป็นเอกสาร ซึ่งเจ้าพนักงานได้ทำขึ้นหรือรับรองในหน้าที่ จึงเป็นเอกสารราชการ
จำเลยที่ 2 เป็นตัวการจัดให้มีการทำปลอมหนังสือรับรองราคาที่ดิน แล้วมอบให้จำเลยที่ 1 เพื่อนำไปใช้เป็นหลักประกันใน การยื่นคำร้อง ขอปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาต่อศาล จำเลยที่ 2 จึงมีความผิด ฐานปลอมเอกสารราชการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องใจความว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันทำปลอมหนังสือรับรองราคาที่ดินอันเป็นเอกสารราชการขึ้นทั้งฉบับ แล้วนำไปใช้อ้างต่อศาลเพื่อขอปล่อยชั่วคราวผู้ต้องหาในคดีอาญาอีกคดีหนึ่ง เป็นเหตุให้ศาลหลงเชื่อ จึงอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวไปขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91, 137, 264, 265, 268
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 265 จำคุก 1 ปี สำหรับข้อหาอื่นและจำเลยที่ 1 ให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2 ด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า หนังสือรับรองราคาที่ดินตามเอกสารหมาย จ.1 เป็นเอกสารราชการปลอม ปัญหาที่จะวินิจฉัยในชั้นนี้มีว่า จำเลยที่ 2 ทำปลอมเอกสารดังกล่าวหรือไม่ โจทก์มีนายสมภพ เทพนิมิตร ผู้เขียนคำร้องขอปล่อยชั่วคราวให้จำเลยที่ 1 เบิกความยืนยันว่าวันเกิดเหตุ จำเลยที่ 2 พาจำเลยที่ 1 ไปแนะนำให้นาสมภพเป็นผู้เขียนคำร้องขอปล่อยชั่วคราวให้โดยมีการมอบหนังสือรับรองราคาที่ดินเอกสารหมาย จ.1 ให้ด้วย และเมื่อเรื่องปรากฏขึ้นว่าลายมือชื่อผู้รับรองราคาที่ดินตามเอกสารดังกล่าวไม่เหมือนตัวอย่างลายมือชื่อที่ให้ทางศาลไว้นายธำรง ยาหยาหมัน จ่าศาลจังหวัดนครศรีธรรมราชเรียกจำเลยที่ 1 ไปสอบถามจำเลยที่ 1 เล่าความเป็นมาในเรื่องนี้ให้นายธำรงบันทึกไว้ตามเอกสารหมาย จ.2มีใจความว่า จำเลยที่ 1 ได้ไปติดต่อกับนายประจวบ ไม่ทราบนามสกุล (หมายถึง จำเลยที่ 2) ที่สำนักงานที่ดินจังหวัดนครศรีธรรมราชเพื่อออกหนังสือรับรองราคาที่ดินให้ นายประจวบเป็นผู้จัดทำให้โดยเรียกเงินในการนี้จากจำเลยที่ 1ไป 200 บาท เห็นว่า ในตอนที่นายธำรงเรียกจำเลยที่ 1 ไปสอบถามนี้ จำเลยที่ 1ยังไม่รู้ตัวว่าตนเองตกอยู่ในฐานะผู้ต้องหาและไม่มีโอกาสที่จะคาดคิดให้ร้ายจำเลยที่ 2 ได้ทัน ทั้งไม่เคยมีสาเหตุกับจำเลยที่ 2 ด้วย จึงเชื่อว่าจำเลยที่ 1เล่าความเป็นมาในเรื่องนี้แก่นายธำรงตามความเป็นจริง เมื่อพิเคราะห์หลักฐานต่าง ๆ เกี่ยวกับคำร้องขอปล่อยชั่วคราว เอกสารหมาย จ.1 และ จ.5 ถึง จ.7ก็ไม่มีชื่อจำเลยที่ 2 ปรากฏอยู่เลยทำให้เห็นว่าหากจำเลยที่ 1 ไม่เล่าว่าจำเลยที่ 2เป็นผู้จัดทำหนังสือรับรองราคาที่ดินให้นายธำรงฟัง นายธำรงซึ่งไม่เคยรู้จักจำเลยที่ 2และไม่ทราบความเป็นมาในเรื่องนี้มาก่อนย่อมไม่อาจคิดเสกสรรค์ปั้นเรื่องและบันทึกคำให้การของจำเลยที่ 1 ตามเอกสารหมาย จ.2 ให้มีข้อความพาดพึงเกี่ยวโยงไปถึงจำเลยที่ 2 ขึ้นเองได้ เหตุนี้ เอกสารหมาย จ.2 จึงเป็นหลักฐานรับฟังประกอบคดีของโจทก์ได้ สำหรับนายสมภพที่เบิกความว่าจำเลยที่ 2 มีส่วนเกี่ยวข้องพัวพันกับเรื่องนี้ ก็ไม่เคยมีสาเหตุกับจำเลยที่ 2 มาก่อน ทั้งจำเลยที่ 2 ก็ว่าไม่เคยรู้จักกับนายสมภพเสียอีก ดังนี้ จึงไม่มีเหตุให้คิดไปว่านายสมภพจะแกล้งปรักปรำให้ร้ายจำเลยที่ 2 แต่อย่างใด น่าเชื่อว่านายสมภพเบิกความเรื่องนี้ตามความเป็นจริงจึงเห็นว่าคดีนี้ แม้โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็นว่าจำเลยที่ 2 เป็นผู้ทำปลอมเอกสารหมาย จ.1 ก็ตาม แต่เมื่ประมวลพฤติการณ์จากพยานพฤติเหตุแวดล้อมกรณีดังวินิจฉัยมา ประกอบกับจำเลยที่ 2 ปฏิบัติราชการประจำอยู่สำนักงานที่ดินจังหวัดซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่จัดทำหนังสือรับรองราคาที่ดินให้ประชาชนที่มาติดต่อร้องขอแล้ว คดีมีเหตุผลให้ฟังได้ว่า จำเลยที่ 2 เป็นตัวการจัดให้มีการทำปลอมเอกสารหมาย จ.1 อันเป็นเอกสารราชการขึ้นจริงดังโจทก์ฟ้อง ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 265 ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น