แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 5 ร่วมปรึกษาหารือและจัดหารถจักรยานยนต์ให้จำเลยที่ 1 ขับไปใช้ในการกระทำความผิด แต่จำเลยที่ 5 ไม่ได้ร่วมไปซื้อและขนเมทแอมเฟตามีนของกลางด้วย กรณียังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 5 ร่วมรู้เห็นเป็นใจด้วยในการไปซื้อเมทแอมเฟตามีนของกลางเพื่อนำไปขายแต่อย่างใด จำเลยที่ 5 จึงมิได้เป็นตัวการในการกระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย แต่ตามพฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่าจำเลยที่ 5 ได้ช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 กระทำความผิดดังกล่าว จำเลยที่ 5 จึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดดังกล่าวตาม ป.อ. มาตรา 86
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งหกตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 57, 66, 91, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 83, 91 ริบของกลาง
จำเลยที่ 1 ที่ 5 และที่ 6 ให้การปฏิเสธข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย แต่ให้การรับสารภาพข้อหาเสพเมทแอมเฟตามีน
จำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งหกมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสอง, 66 วรรคหนึ่ง ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และจำเลยที่ 1 ที่ 4 ที่ 5 และที่ 6 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 57, 91 การกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 4 ที่ 5 และที่ 6 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ขณะเกิดเหตุจำเลยที่ 2 อายุ 17 ปีเศษ จำเลยที่ 4 และที่ 5 อายุ 19 ปี และจำเลยที่ 6 อายุ 18 ปี มีความรู้สึกผิดชอบเฉกเช่นผู้บรรลุนิติภาวะแล้ว จึงไม่ลดมาตราส่วนโทษให้ ส่วนจำเลยที่ 3 อายุ 15 ปี ลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 75 ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุกจำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 4 ที่ 5 และที่ 6 มีกำหนดคนละ 22 ปี จำคุกจำเลยที่ 3 มีกำหนด 11 ปี ฐานเสพเมทแอมเฟตามีน จำคุกจำเลยที่ 1 ที่ 4 ที่ 5 และที่ 6 มีกำหนดคนละ 1 ปี รวมจำคุกจำเลยที่ 1 ที่ 4 ที่ 5 และที่ 6 มีกำหนดคนละ 23 ปี คำรับสารภาพของจำเลยที่ 1 ที่ 5 และที่ 6 ในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษให้คนละหนึ่งในสาม คงจำคุกจำเลยที่ 1 ที่ 5 และที่ 6 มีกำหนดคนละ 15 ปี 4 เดือน ส่วนจำเลยที่ 2 ที่ 3 และที่ 4 ให้การรับสารภาพมาโดยตลอดเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คนละกึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 11 ปี จำคุกจำเลยที่ 3 มีกำหนด 5 ปี 6 เดือน และจำคุกจำเลยที่ 4 มีกำหนด 11 ปี 6 เดือน ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 4 ที่ 5 และที่ 6 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 6 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งหกมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสอง (เดิม), 66 วรรคหนึ่ง (เดิม) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และจำเลยที่ 1 ที่ 4 ที่ 5 และที่ 6 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 57, 91 (ที่แก้ไขใหม่) นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 5 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นรับฟังได้ว่า ในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ได้พร้อมเมทแอมเฟตามีน 2,000 เม็ด น้ำหนัก 182.63 กรัม คำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ได้ 48.452 กรัม และรถจักรยานยนต์ 1 คัน เป็นของกลาง ต่อมาวันที่ 30 ธันวาคม 2544 เจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยที่ 4 และที่ 5 ได้ และวันที่ 7 มกราคม 2545 จับกุมจำเลยที่ 6 ได้ สำหรับจำเลยที่ 3 โจทก์และจำเลยที่ 3 ไม่อุทธรณ์ ส่วนจำเลยที่ 4 และที่ 6 โจทก์และจำเลยที่ 4 ที่ 6 ไม่ฎีกา คดีสำหรับจำเลยที่ 3 ที่ 4 และที่ 6 จึงยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 6 ตามลำดับ มีปัญหาต้องวินิจฉัยในประการแรกตามฎีกาของจำเลยที่ 5 ว่า จำเลยที่ 5 ร่วมกระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายหรือไม่ โจทก์มีพันตำรวจตรีธนารักษ์พนักงานสอบสวนเป็นพยานเบิกความว่า ในชั้นสอบสวนจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ให้การว่าในวันที่ 29 ธันวาคม 2544 ก่อนเที่ยงวัน จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 จำเลยที่ 4 ที่ 5 และที่ 6 กับนายธีรพงษ์หรือเอกไปนั่งรับประทานอาหารที่บ้านของจำเลยที่ 4 ในเขตอำเภอเมืองตาก และได้ปรึกษาชวนกันไปซื้อเมทแอมเฟตามีนจากชาวม้งที่บ้านดอยมูเซอเพื่อนำไปขาย โดยนายเอกกับจำเลยที่ 4 จะเป็นผู้ซื้อเมทแอมเฟตามีน จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 จะเป็นผู้ขนผ่านจุดตรวจแม่ท้อ จำเลยที่ 5 จะมอบรถจักรยานยนต์ให้จำเลยที่ 1 ขับ ส่วนจำเลยที่ 6 จะเป็นผู้หลอกล่อเจ้าพนักงานตำรวจโดยจะขับรถจักรยานยนต์นำหน้าขณะขนเมทแอมเฟตามีน เจ้าพนักงานตำรวจจะได้ตรวจค้นจำเลยที่ 6 และไม่ตรวจค้นรถจักรยานยนต์ที่จำเลยที่ 1 ขับ ซึ่งมีเมทแอมเฟตามีนซุกซ่อนอยู่ที่ตัวจำเลยที่ 3 และขับตามหลังมา หลังจากนั้นได้ดำเนินการตามที่วางแผนและถูกจับกุมดังกล่าวตามบันทึกคำให้การของจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 บันทึกการนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพ เห็นว่า แม้บันทึกดังกล่าวเป็นพยานบอกเล่าดังจำเลยที่ 5 ฎีกา แต่โจทก์ก็มีพันตำรวจตรีธนารักษ์เบิกความรับรองว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ได้ให้การไว้ดังกล่าวจริงทั้งในชั้นพิจารณาจำเลยที่ 2 และที่ 3 ก็ให้การรับสารภาพว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 ได้กระทำความผิดตามฟ้องโดยไม่ได้โต้แย้งคัดค้านว่าถูกเจ้าพนักงานตำรวจล่อลวง ขู่เข็ญหรือให้สัญญาเพื่อจูงใจให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 ให้การดังกล่าวแต่อย่างใด เชื่อได้ว่าจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ให้การรับสารภาพไปตามความเป็นจริง และแม้คำให้การของจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 เป็นคำซัดทอดถึงจำเลยที่ 5 แต่ก็ไม่ได้เป็นการซัดทอดเพื่อให้ตนเองพ้นผิด ทั้งไม่มีมูลเหตุที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 จะต้องให้การปรักปรำใส่ร้ายจำเลยที่ 5 ให้ต้องรับโทษ คำให้การของจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ที่ว่าจำเลยที่ 5 ร่วมปรึกษาวางแผนและเป็นผู้จัดหารถจักรยานยนต์เพื่อใช้ในการขนเมทแอมเฟตามีนจึงมีน้ำหนักให้รับฟังได้ ประกอบกับในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนจำเลยที่ 5 ก็ให้การรับสารภาพว่าจำเลยที่ 5 ได้ร่วมปรึกษาวางแผนและเป็นผู้จัดหารถจักรยานยนต์เพื่อใช้ในการขนเมทแอมเฟตามีนตามบันทึกการแจ้งข้อหาจับกุม และบันทึกคำให้การของจำเลยที่ 5 โดยพันตำรวจตรีธนารักษ์ซึ่งเป็นผู้ร่วมจับกุมจำเลยที่ 5 และเป็นผู้สอบสวนไม่เคยรู้จักหรือมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยที่ 5 มาก่อน เชื่อว่าจำเลยที่ 5 ให้การโดยสมัครใจ นอกจากนี้จำเลยที่ 5 เองก็ยอมรับว่าในวันเกิดเหตุ ก่อนเกิดเหตุ จำเลยที่ 5 ได้ไปที่บ้านของจำเลยที่ 4 และได้พบกับนายเอก จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 และต่อมาจำเลยที่ 1 นำรถจักรยานยนต์ของจำเลยที่ 5 ไปใช้ในการกระทำความผิดดังกล่าวตามที่โจทก์นำสืบจริง เพียงแต่เบิกความบ่ายเบี่ยงต่อสู้ว่าจำเลยที่ 5 ไม่ได้ร่วมปรึกษาวางแผนในการกระทำความผิดครั้งนี้ เมื่อไปถึงบ้านของจำเลยที่ 4 พบกับพวกจำเลยแล้วจำเลยที่ 5 ก็เดินไปนอนหลังบ้าน จำเลยที่เหลือจะทำอะไรไม่ทราบ และต่อมาจำเลยที่ 1 ยืมรถจักรยานยนต์ของจำเลยที่ 5 โดยบอกว่าไปเที่ยว ทั้งข้อต่อสู้ของจำเลยที่ 5 ดังกล่าว มีแต่จำเลยที่ 1 ผู้ร่วมกระทำความผิดด้วยกันเบิกความสนับสนุน ส่วนที่จำเลยที่ 5 อ้างว่าจำเลยที่ 5 รับแต่เพียงว่าเป็นเจ้าของรถจักรยานยนต์ ไม่ได้รับสารภาพว่าได้ร่วมกระทำความผิดตามฟ้องนั้น มีแต่จำเลยที่ 5 ปากเดียวเบิกความอ้างลอย ๆ โดยไม่มีพยานหลักฐานอื่นมาสนับสนุน พยานจำเลยที่ 5 ไม่อาจฟังหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าจำเลยที่ 5 ร่วมปรึกษาหารือและจัดหารถจักรยานยนต์ให้จำเลยที่ 1 ขับไปใช้ในการกระทำความผิดครั้งนี้ แต่จำเลยที่ 5 ไม่ได้ร่วมไปซื้อและขนเมทแอมเฟตามีนของกลางด้วย ดังนี้ กรณียังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ 5 ร่วมรู้เห็นเป็นใจด้วยการไปซื้อเมทแอมเฟตามีนของกลางเพื่อนำไปขายแต่อย่างใด จำเลยที่ 5 จึงมิได้เป็นตัวการในการกระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย แต่ตามพฤติการณ์ดังกล่าวถือได้ว่าจำเลยที่ 5 ได้ช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกในการที่จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 กระทำความผิดดังกล่าว จำเลยที่ 5 จึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดดังกล่าวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86…
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 5 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสอง (เดิม), 66 วรรคหนึ่ง (เดิม) ประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 จำคุก 14 ปี 8 เดือน ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 9 ปี 9 เดือน 10 วัน บวกกับโทษจำคุก 8 เดือน ในความผิดฐานเสพเมทแอมเฟตามีนตามที่ศาลชั้นต้นพิพากษามาโดยลดโทษให้หนึ่งในสามแล้ว เป็นจำคุก 9 ปี 17 เดือน 10 วัน คืนรถจักรยานยนต์ของกลางแก่เจ้าของ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 6.