แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
การที่โจทก์ทั้งสี่ซึ่งเป็นทายาทยื่นคำขอยกเลิกคำขอแบ่งแยกที่ดินของเจ้ามรดกนั้น ไม่มีผลเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทซึ่งเป็นมรดก จึงไม่เป็นการยักย้ายหรือปิดบังทรัพย์มรดกโดยฉ้อฉลนอกจากนี้ การที่โจทก์ทั้งสี่คัดค้านต่อศาลในเรื่องที่จำเลยดำเนินการเปลี่ยนชื่อในโฉนดที่ดินพิพาทเป็นชื่อจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกในชั้นบังคับคดีว่าจำเลยขอบังคับคดีเกินกำหนดอายุความ ก็เป็นการใช้สิทธิทางศาลตามที่ตนเป็นทายาทโดยชอบ ไม่ถือเป็นการยักย้ายหรือปิดบังทรัพย์มรดกโดยฉ้อฉลเช่นเดียวกัน โจทก์ทั้งสี่จึงมีสิทธิรับมรดกได้.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งสี่กับจำเลยเป็นพี่น้องร่วมบิดาเดียวกันและเป็นทายาทมีสิทธิรับมรดกของสิบโทล้วน รักสอาด บิดาซึ่งเป็นเจ้ามรดก สิบโทล้วน รักสอาด ได้ถึงแก่กรรม ก่อนถึงแก่กรรมไม่ได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินหรือตั้งผู้ใดเป็นผู้จัดการมรดก เจ้ามรดกมีทรัพย์สินคือ ที่ดินโฉนดเลขที่ 694 เนื้อที่ 6 ไร่ 2 งาน 25 ตารางวาตำบลบ้านหงษ์ อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง โดยโจทก์ทั้งสี่มีกรรมสิทธิ์ร่วมอยู่ด้วย มีส่วนของสิบโทล้วน รักสอาด เพียง 600 ส่วนในจำนวน 2,625 ส่วน คิดเป็นเนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ 2 งาน ราคาประมาณ 35,000 บาท ทรัพย์มรดกในส่วนนี้จึงต้องตกแก่ทายาทของสิบโทล้วน รักสอาด 7 คน คนละเท่า ๆ กัน โดยตกเป็นของโจทก์ 4 ใน 7 ส่วน เป็นเงิน 20,000 บาท ต่อมาจำเลยได้ร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของสิบโทล้วน รักสอาด ซึ่งศาลได้มีคำสั่งตั้งให้จำเลยเป็นผู้จัดการมรดก เมื่อได้เป็นผู้จัดการมรดกแล้ว จำเลยได้นำโฉนดทรัพย์มรดกดังกล่าวไปยื่นแสดงต่อเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดอ่างทองให้ลงชื่อจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกในที่ดินเฉพาะส่วนของสิบโทล้วน รักสอาด เจ้าพนักงานที่ดินได้จัดการลงชื่อจำเลยในโฉนดจากนั้นจำเลยได้จัดการบอกขายที่ดินดังกล่าวไป โจทก์ทั้งสี่ได้ติดต่อขอให้จำเลยแบ่งทรัพย์มรดกดังกล่าวให้แก่โจทก์แต่จำเลยไม่ดำเนินการให้ ขอให้บังคับจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกของสิบโทล้วน รักสอาดและในฐานะส่วนตัวแบ่งที่ดินโฉนดเลขที่ 694 ตำบลบ้านหงษ์ อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง เนื้อที่ 1 ไร่ 2 งาน ทางด้านทิศใต้ให้โจทก์ทั้งสี่คนละ 1 ใน 7 ส่วน ถ้าการแบ่งไม่ตกลงกันขอให้ศาลพิพากษายึดที่ดินทรัพย์มรดกดังกล่าวออกขายทอดตลาดเอาเงินแบ่งกันตามส่วนต่อไป
จำเลยให้การว่า ทรัพย์มรดกดังกล่าวนั้นจะต้องนำมาแบ่งให้แก่นางละมูล หรือเกลื่อน รักสอาด ภรรยาของสิบโทล้วน รักสอาดเจ้ามรดกซึ่งยังมีชีวิตอยู่ขณะเจ้ามรดกถึงแก่กรรมก่อนกึ่งหนึ่งฐานเป็นสินสมรส ส่วนที่เหลืออีกกึ่งหนึ่งเป็นเงิน 17,500 บาท จึงเป็นทรัพย์สินกองมรดกซึ่งทายาทของเจ้ามรดกมีสิทธิได้รับส่วนแบ่ง 8 คนคนละ 1 ส่วน ตกได้เป็นเงินคนละ 2,175 บาท และทรัพย์สินมรดกที่ทายาทแต่ละคนจะได้รับนั้น ต้องนำไปชำระค่าใช้จ่ายในการจัดการฌาปนกิจและทำบุญ 100 วัน ของเจ้ามรดกก่อน เป็นเงินค่าใช้จ่ายในการฌาปนกิจศพจำนวนเงิน 6,683 บาท ค่าทำบุญ 5,000 บาท เมื่อหักส่วนดังกล่าวไปแล้วคงเหลือเงินที่ทายาทจะได้รับจริง ๆ เป็นเงินคนละ715 บาทแต่ภายหลังเมื่อเจ้ามรดกถึงแก่กรรมโจทก์ทั้งสี่ได้ยักยอกหรือปิดบังทรัพย์สินมรดกมากกว่าโจทก์ทั้งสี่จะได้รับโดยฉ้อฉล เป็นเหตุให้จำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกต้องเสียเงินกองมรดกว่าจ้างทนายความยื่นคำร้องบังคับคดีอุทธรณ์คำสั่งศาลจังหวัดอ่างทองเป็นเงินค่าจ้าง5,000 บาท อันทำให้ทายาทคนอื่นและจำเลยได้รับความเสียหายโจทก์ทั้งสี่จึงต้องถูกกำจัดมิให้ได้รับมรดกเลย นอกจากนี้ฟ้องโจทก์ขาดอายุความเนื่องจากมิได้ฟ้องให้บังคับภายใน 1 ปี นับแต่เจ้ามรดกตาย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยแบ่งที่ดินโฉนดเลขที่ 694 ตำบลบ้านหงษ์ อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทอง เนื้อที่ 1 ไร่ 2 งานตามฟ้อง ออกให้นางละมูล รักสอาด กึ่งหนึ่งก่อน ส่วนที่เหลืออีกกึ่งหนึ่งตกเป็นทรัพย์มรดก แต่เนื่องจากต้องนำทรัพย์มรดกชำระหนี้ค่าใช้จ่ายงานศพแก่จำเลย จึงให้นำที่ดินทรัพย์มรดกจำนวนกึ่งหนึ่งของที่ดินแปลงดังกล่าวออกขายทอดตลาดนำเงินที่ได้หักเป็นค่าจัดการงานศพ จำนวน 6,683 บาท ชำระให้แก่จำเลย ส่วนที่เหลือให้แบ่งแก่โจทก์คนละหนึ่งในแปดส่วนเท่า ๆ กัน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว มีปัญหาว่า โจทก์ทั้งสี่ยักย้ายหรือปิดบังทรัพย์มรดกโดยฉ้อฉลอันจะเป็นเหตุให้ถูกกำจัดมิให้ได้มรดกหรือไม่ เห็นว่า การที่โจทก์ทั้งสี่ยื่นคำขอยกเลิกคำขอแบ่งแยกที่ดินพิพาทของเจ้ามรดกตามบันทึกถ้อยคำเอกสารหมาย ล.2นั้น จำเลยและทายาททุกคนทราบดีว่า ที่ดินพิพาทเป็นเจ้าของมรดกตามคำพิพากษาในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 124/2517 ของศาลจังหวัดอ่างทองต่อมาเจ้ามรดกถึงแก่กรรม เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2518 ไม่มีทายาทเข้าดำเนินการ การที่โจทก์ทั้งสี่ได้ยื่นคำขอยกเลิกคำขอแบ่งแยกที่ดินพิพาทของเจ้ามรดกตามเอกสารหมาย ล.2 นั้น ไม่มีผลเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทซึ่งเป็นมรดก การกระทำดังกล่าวหาใช่การยักย้ายหรือปิดบังทรัพย์มรดกโดยฉ้อฉลไม่ เมื่อจำเลยร้องขอเข้าเป็นผู้จัดการมรดก และศาลมีคำสั่งตั้งให้จำเลยเป็นผู้จัดการมรดกเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับที่ดินพิพาทของเจ้ามรดกจำเลยขอเข้ารับมรดกความและบังคับคดีจนดำเนินการเปลี่ยนชื่อในโฉนดที่ดินพิพาทเป็นชื่อจำเลยในฐานะผู้จัดการมรดกเช่นนี้ แม้โจทก์ทั้งสี่จะเคยคัดค้านต่อศาลในชั้นบังคับคดีอ้างว่าจำเลยขอบังคับคดีเกินกำหนดอายุความแล้วก็เป็นการที่โจทก์ทั้งสี่ใช้สิทธิทางศาลตามที่ตนเป็นทายาทโดยชอบหาใช่ยักย้ายหรือปิดบังทรัพย์มรดกโดยฉ้อฉลไม่เช่นเดียวกันศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้วฎีกาจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า คดีโจทก์ขาดอายุความมรดกนั้นจำเลยไม่ได้อุทธรณ์ในปัญหานี้ไว้ ฎีกาจำเลยจึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลอุทธรณ์ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย”
พิพากษายืน.