คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 595/2532

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยออกเช็คชำระหนี้แก่ภริยาโจทก์ 3 ฉบับ ฉบับละ40,000 บาท ธนาคาร ปฏิเสธการจ่ายแล้ว 2 ฉบับ ส่วนอีก 1 ฉบับคือเช็คพิพาทยังไม่ถึงกำหนดใช้เงินต่อมาจำเลยชำระเงินสด 12,000 บาท และชำระด้วยเช็คที่ ด. ออกและจำเลยสลักหลังจำนวน 108,000 บาท ตามเช็คเอกสารหมาย จ.8 แทนเช็ค 3ฉบับเดิมแล้วขอเช็ค 3 ฉบับเดิมคืน ภริยาโจทก์ยอมคืนให้ 2ฉบับ ส่วนเช็คพิพาทไม่ยอมคืนให้ ต่อมาภริยาโจทก์นำเช็คเอกสารหมาย จ.8 ไปเรียกเก็บเงินธนาคาร ปฏิเสธการจ่ายเงินภริยาโจทก์นำเช็คเอกสารหมาย จ.8 ไปดำเนินคดีอาญาพ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ แก่ ด. และจำเลยแล้วพฤติการณ์ดังกล่าวแสดงว่าภริยาโจทก์ตกลงเข้าถือเอาสิทธิตามเช็คเอกสารหมาย จ.8 แทนสิทธิที่มีอยู่ตามเช็คพิพาทเป็นการสละสิทธิหรือไม่ยึดถือสิทธิใด ๆ ที่มีอยู่ในเช็คพิพาทอีกต่อไป รวมทั้งสิทธิที่จะดำเนินคดีอาญาแก่จำเลยหากธนาคาร ปฏิเสธการใช้เงินตามเช็คพิพาทด้วย โจทก์ซึ่งทราบข้อตกลงระหว่างภริยาโจทก์กับจำเลยดังกล่าวดี ได้นำเช็คพิพาทไปเรียกเก็บเงิน แม้ธนาคาร ปฏิเสธการจ่ายเงินจำเลยก็ไม่มีความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยสั่งจ่ายเช็คจำนวนเงิน 40,000 บาท มอบให้แก่ผู้ถือ โจทก์ได้รับชำระหนี้ด้วยเช็คดังกล่าว ต่อมาโจทก์นำไปเรียกเก็บเงิน แต่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่าย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล มีคำสั่งประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 จำคุก4 เดือน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้เป็นยุติตามที่คู่ความนำสืบรับกันว่า จำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทเอกสารหมาย จ.1 ให้แก่นางสุนันท์ ลี้พงษ์ ภริยาโจทก์ซึ่งเข้าหุ้นดำเนินกิจการลานสเกตร่วมกับจำเลยและพวก ต่อมานางสุนันท์ได้โอนเช็คดังกล่าวให้โจทก์ เมื่อเช็คเอกสารหมาย จ.1 ถึงกำหนดชำระเงินโจทก์นำไปเข้าบัญชีของโจทก์เพื่อเรียกเก็บเงิน แต่ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงินเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2528 เพราะบัญชีของจำเลยปิดแล้วตั้งแต่วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2528 คดีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยในเบื้องต้นตามที่โจทก์กับจำเลยโต้เถียงกันว่าจำเลยออกเช็คพิพาทตามเอกสารหมาย จ.1 เพื่อชำระหนี้ให้นางสุนันท์ภริยาโจทก์หรือออกเช็คเป็นหลักฐานการลงทุนในการดำเนินกิจการลานสเกตข้อนี้โจทก์นำสืบและจำเลยรับว่าหลังจากนางสุนันท์ได้ร่วมลงทุนกับจำเลยและพวกได้ไม่นานนางสุนันท์ก็ขอถอนหุ้น จำเลยยอมออกเช็ค3 ฉบับ รวมทั้งเช็คพิพาทเอกสารหมาย จ.1 ให้แก่นางสุนันท์ เช็คทั้งสามฉบับแบ่งการชำระเงินฉบับละเท่า ๆ กัน ลงวันที่สั่งจ่ายเรียงเป็นรายเดือนตามลำดับกันไป เช่นนี้ ย่อมเป็นการแสดงให้เห็นได้ว่าจำเลยมีเจตนาออกเช็คทั้งสามฉบับดังกล่าวเพื่อชำระหนี้ค่าหุ้นคืนให้แก่นางสุนันท์ เพราะหากจำเลยมีเจตนาเพียงเพื่อจะให้เป็นหลักฐานการลงทุนของนางสุนันท์ จำเลยก็น่าจะออกเช็คให้เพียงฉบับเดียวจำนวนเงิน 120,000 บาท ก็พอ ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องออกเช็คให้ถึง 3 ฉบับ ฉบับละ 40,000 บาท แต่ประการใดดังนี้ จึงไม่น่าเชื่อว่าจำเลยเจตนาออกเช็คทั้งสามฉบับดังกล่าวให้แก่นางสุนันท์เพื่อเป็นหลักฐานการลงทุนดำเนินกิจการลานสเกตตามที่จำเลยต่อสู้ แต่น่าเชื่อว่าการออกเช็คดังกล่าวก็เพื่อชำระหนี้คืนเงินค่าหุ้นหรือเงินลงทุนให้แก่นางสุนันท์ เช็คพิพาทเอกสารหมาย จ.1 จึงเป็นเช็คที่จำเลยออกให้เพื่อเป็นการชำระหนี้ปัญหาต่อไปมีว่า เมื่อธนาคารตามเช็คเอกสารหมาย จ.1 ปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3 หรือไม่ ข้อนี้ได้ความจากนางสุนันท์ ลี้พงษ์ พยานโจทก์ซึ่งเป็นภริยาโจทก์เบิกความว่าระหว่างที่เช็คซึ่งจำเลยออกให้ถูกธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายไปแล้ว 2 ฉบับ และเช็คพิพาทเอกสารหมาย จ.1 ยังไม่ถึงกำหนดใช้เงินจำเลยได้นำเครื่องปรับอากาศ 4 เครื่อง ตู้ลำโพง 4 ตู้ ไปมอบให้นางสุนันท์เพื่อประกันหนี้ตามเช็ค ซึ่งต่อมาจำเลยได้อ้างต่อนางสุนันท์ว่านายเดช เดชนที ขอซื้อทรัพย์สินดังกล่าวโดยชำระเป็นเช็คให้ และจำเลยได้มอบเช็คของนายเดชตามสำเนาภาพถ่ายเช็คเอกสารหมาย จ.8 ให้แก่นางสุนันท์โดยจำเลยลงลายมือชื่อสลักหลังเช็คดังกล่าว แล้วจำเลยนำทรัพย์สินที่ประกันหนี้ตามเช็คกลับคืนไปกับพูดขอคืนเช็คทั้งสามฉบับจากนางสุนันท์ นางสุนันท์ยอมคืนให้ 2ฉบับ ส่วนอีกฉบับหนึ่งคือเช็คพิพาทเอกสารหมาย จ.1 นางสุนันท์บอกว่าจะคืนให้ต่อเมื่อเช็คของนายเดชเรียกเก็บเงินได้แล้ว และนางสุนันท์ก็ได้รับเงินค่าหุ้นคืนจากจำเลยมาแล้วส่วนหนึ่งจำนวน12,000 บาท เช่นนี้ เห็นว่าเมื่อธนาคารตามเช็ค 2 ฉบับปฏิเสธการจ่ายเงินแล้ว ก็มิได้มีการดำเนินคดีอาญาแก่จำเลยแต่อย่างใด แต่นางสุนันท์กลับรับเช็คที่ธนาคารปฏิเสธทั้งสองฉบับนั้นคืนมาจากโจทก์ โดยนางสุนันท์อ้างว่าเอาเงินสดไปแลกเช็ค 2 ฉบับนั้นคืนจากโจทก์ ปรากฏว่าระหว่างที่เช็คฉบับที่ 3 คือเช็คพิพาทเอกสารหมายจ.1 ยังไม่ถึงกำหนดใช้เงิน จำเลยก็ได้นำเงินสดไปชำระหนี้ให้แก่นางสุนันท์จำนวน 12,000 บาท แล้วจึงยังคงเหลือหนี้ค่าหุ้นที่ยังค้างชำระนางสุนันท์อยู่อีก 108,000 บาท และเมื่อธนาคารตามเช็ค2 ฉบับปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยก็ได้นำเครื่องปรับอากาศ 4 เครื่องตู้ลำโพง 4 ตู้ ไปมอบให้นางสุนันท์เพื่อประกันหนี้ตามเช็ค ต่อมาระหว่างที่เช็คพิพาทเอกสารหมาย จ.1 ยังไม่ถึงกำหนดใช้เงินจำเลยได้นำเช็คสั่งจ่ายเงินจำนวน 108,000 บาท ซึ่งนายเดช เดชนที ลงชื่อเป็นผู้สั่งจ่ายตามเอกสารหมาย จ. 8 หรือ ล.5 ไปชำระหนี้ให้แก่นางสุนันท์ และขอรับทรัพย์สินที่วางเป็นประกันหนี้ตามเช็คคืน อีกทั้งยังขอรับเช็คที่จำเลยจ่ายชำระหนี้ค่าหุ้นรวม 3 ฉบับคืน แต่นางสุนันท์คงยอมคืนเช็ค 2 ฉบับที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินส่วนเช็คพิพาทเอกสารหมาย จ.1 ไม่ยอมคืนให้ จำเลยได้ยอมสลักหลังเช็คที่นายเดช เดชนที เป็นผู้สั่งจ่ายให้เพื่อประสงค์ที่จะให้นางสุนันท์คืนเช็คพิพาทเอกสารหมาย จ.1 ให้แก่จำเลย ต่อมาเมื่อเช็คที่นายเดชสั่งจ่ายถึงกำหนดใช้เงิน นางสุนันท์ได้ฝากโจทก์ให้เข้าบัญชีเพื่อเรียกเก็บเงิน แต่ปรากฏว่าธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน ซึ่งต่อมานางสุนันท์ก็ได้นำเช็คที่นายเดชสั่งจ่ายเงินและจำเลยเป็นผู้สลักหลังตามเช็คเอกสารหมาย จ.8 หรือ ล.5 ไปดำเนินคดีอาญาตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ แก่นายเดชและจำเลย ส่วนเช็คพิพาทเอกสารหมาย จ.1 โจทก์นำไปเรียกเก็บเงิน เช่นนี้ จึงเท่ากับว่าจำเลยมีความรับผิดที่จะต้องชำระเงินตามเช็คเอกสารหมาย จ.8 หรือ ล.5 จำนวน 108,000 บาท และต้องรับผิดชำระเงินตามเช็คพิพาทเอกสารหมาย จ.1 อีกจำนวน 40,000บาท เห็นว่าโจทก์และนางสุนันท์เป็นสามีภริยากัน ข้อเท็จจริงในเรื่องข้อตกลงระหว่างนางสุนันท์กับจำเลยเกี่ยวกับการชำระหนี้ที่ค้างชำระจำนวน 108,000 บาทด้วยเช็คเอกสารหมาย จ.8 หรือ ล.5 นั้นโจทก์ย่อมต้องทราบดีโดยเห็นได้จากหนังสือที่โจทก์ให้ทนายความบอกกล่าวให้จำเลยชำระหนี้ตามเช็คพิพาทเอกสารหมาย จ.1 ก็มีข้อความระบุไว้ว่า จำเลยได้หลอกลวงเอาเครื่องปรับอากาศไปจากนายสมควรฯ(โจทก์) และจำเลยได้สลักหลังเช็คธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาราชวิถีฉบับเลขที่ 0980897 ลงวันที่ 25 พฤษภาคม 2528 จำนวนเงิน 108,000บาท มอบให้แก่นายสมควรฯ (โจทก์) ตามเอกสารหมาย จ.3 จากพฤติการณ์ต่าง ๆ ดังกล่าวมาแสดงว่า นางสุนันท์ตกลงเข้าถือเอาสิทธิตามเช็คเอกสารหมาย จ.8 หรือ ล.5 แทนสิทธิที่มีอยู่ตามเช็คเอกสารหมาย จ.1 เป็นการสละสิทธิหรือไม่ยึดถือสิทธิใด ๆ ที่มีอยู่ในเช็คพิพาทเอกสารหมาย จ.1 อีกต่อไป ทั้งนี้รวมทั้งสิทธิที่จะดำเนินคดีอาญาแก่จำเลยหากเมื่อเช็คเอกสารหมาย จ.1 ถึงกำหนดใช้เงินและธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คเอกสารหมาย จ.1 นั้นด้วยดังนั้น แม้ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยก็ไม่มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497มาตรา 3 แต่อย่างใด…”
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share