คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1333/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยกับพวกเตรียมอาวุธจะไปทำร้ายเพื่อนผู้ตาย เมื่อพบผู้ตายกับเพื่อน พวกของจำเลยได้ใช้ปืนยิง ผู้ตายกับเพื่อนวิ่งหนี โดยไม่ได้ต่อสู้อย่างใด จำเลยตามไปตีผู้ตาย และพวกของจำเลยใช้ปืนยิงจนผู้ตายถึงแก่ความตาย ดังนี้ ไม่ใช่เป็นเรื่องสมัครใจเข้าร่วมชุลมุนต่อสู้กัน แต่เป็นเรื่องจำเลยกับพวกร่วมกันทำร้ายผู้ตาย แม้จำเลยจะไม่ใช้ปืนยิงผู้ตาย ก็ถือว่าจำเลยได้ร่วมกันกับพวกของจำเลยฆ่าผู้ตาย จึงมีความผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกร่วมกันฆ่าผู้ตายโดยเจตนา ขอให้ลงโทษ

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288 จำคุก 15 ปี เพิ่มโทษตามมาตรา 92 หนึ่งในสาม เป็นจำคุก20 ปี ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 13 ปี 4 เดือน

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ฟังว่า เป็นการสมัครใจเข้าร่วมชุลมุนต่อสู้กันระหว่างบุคคลกว่าสามคนขึ้นไปจนเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงตาย โจทก์ไม่ฟ้องฐานนี้ จำเลยคงมีความผิดฐานทำร้ายร่างกาย พิพากษาแก้ว่า จำเลยผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 294 จำคุก 2 ปี เพิ่มโทษหนึ่งในสามและลดโทษหนึ่งในสาม ไม่เพิ่มไม่ลดตามมาตรา 54

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยร่วมกับพวกเตรียมอาวุธเพื่อจะทำร้ายนายก้ำซึ่งมีเรื่องกัน ครั้นพบนายก้ำกับผู้ตายกำลังเดินไปเที่ยว นายก้ำเข้าไปพูดกับพวกของจำเลยโดยดีเพื่อไม่ให้มีเรื่อง พวกจำเลยกลับใช้ปืนยิงนายก้ำและผู้ตายวิ่งหนี ไม่ได้ต่อสู้อย่างใด จำเลยตามไปตีผู้ตาย และพวกของจำเลยยิงผู้ตายจนถึงแก่ความตาย พฤติการณ์เช่นนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องสมัครใจเข้าร่วมชุลมุนต่อสู้กันระหว่างบุคคลเกินกว่าสามคนขึ้นไป แต่เป็นเรื่องจำเลยกับพวกร่วมกันทำร้ายผู้ตาย แม้จำเลยไม่ใช่ผู้ยิงผู้ตายถึงแก่ความตาย ก็ถือได้ว่าจำเลยได้ร่วมกันกับพวกฆ่าผู้ตาย อันเป็นการกระทำผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนา

พิพากษาแก้ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share