แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ซื้อที่ดินมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์จากผู้มีชื่อซึ่งเป็นเจ้าของร่วมกันกับจำเลยโดยยังมิได้มีการแบ่งแยกกันเป็นส่วนสัด โจทก์ย่อมเข้าเป็นเจ้าของรวมในที่ดินดังกล่าวร่วมกับจำเลย การที่จำเลยครอบครองที่ดินทั้งแปลงจึงเป็นการครอบครองแทนโจทก์ แม้โจทก์จะมิได้เข้าครอบครองที่ดินนั้นเกินกว่า 1 ปีก็ตาม ก็ไม่ขาดสิทธิความเป็นเจ้าของ.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยและนายถนอมเคยเป็นสามีภรรยากันและเป็นเจ้าของร่วมกันในที่ดินมีหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่๔๕๑/๒๕๙ เนื้อที่ ๙ ไร่ ๓ งาน ๒๐ ตารางวา ปี พ.ศ.๒๕๒๑ ก่อนนายถนอมหย่ากับจำเลยนายถนอมจดทะเบียนขายที่ดินเฉพาะส่วนของตนเนื้อที่ ๔ ไร่ ๓ งาน ๒๐ ตารางวาให้โจทก์ในราคา ๒๕,๐๐๐ บาท โดยนายถนอมและจำเลยตกลงกับโจทก์ว่า จะไปแบ่งแยกที่ดินให้โจทก์มอบการครอบครองที่ดินส่วนที่ขายในปี พ.ศ.๒๕๒๒ ครั้นสิ้นปี พ.ศ.๒๕๒๒ จำเลยไม่ยอมแบ่งแยกที่ดินให้โจทก์ ขอให้บังคับจำเลยแบ่งแยกที่ดินจำนวนดังกล่าวให้โจทก์ ถ้าจำเลยไม่แบ่งแยกให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาหากแบ่งแยกไม่ได้ให้นำที่ดินขายทอดตลาดนำเงินที่ขายได้แบ่งกัน
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยซื้อที่ดินพิพาทด้วยเงินของจำเลย แต่ลงชื่อนายถนอมในหนังสือรับรองการทำประโยชน์ด้วย จำเลยกับนายถนอมมิได้เป็นสามีภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายในปีพ.ศ.๒๕๑๒ จำเลยกับนายถนอมไม่สมัครใจอยู่กินฉันสามีภรรยา จำเลยได้มอบเงินสด ๕,๐๐๐ บาท แม่สุกร ๑ ตัวให้นายถนอม และนายถนอมสละที่ดินให้จำเลยทั้งแปลง จำเลยไม่เคยตกลงจะแบ่งแยกที่ดินพิพาทให้โจทก์ และไม่ทราบว่านายถนอมโอนขายที่พิพาทให้โจทก์ โจทก์ไม่เคยครอบครองที่พิพาทเป็นเวลาเกินกว่า ๑ ปี คดีโจทก์ขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้องและบังคับโจทก์โอนที่ดินเป็นชื่อจำเลย หากไม่โอนให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา กับให้โจทก์คืนหนังสือรับรองการทำประโยชน์แก่จำเลย และห้ามโจทก์เกี่ยวข้องต่อไป
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า นายถนอมไม่เคยสละสิทธิในที่พิพาทให้จำเลย จำเลยทราบว่านายถนอมขายที่ดินเฉพาะส่วนให้โจทก์ จำเลยกับนายถนอมตกลงกับโจทก์ขอตัดอ้อยในปีพ.ศ.๒๕๒๑ และพ.ศ.๒๕๒๒ ก่อน แล้วจะแบ่งแยกให้โจทก์ภายหลัง คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยแบ่งแยกที่ดินเฉพาะส่วนของนายถนอมให้โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยและนายถนอมมีชื่อเป็นเจ้าของที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์รายพิพาทร่วมกันต่อมานายถนอมจดทะเบียนขายที่ดินพิพาทเฉพาะส่วนของตนให้โจทก์ แล้ววินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่า แม้โจทก์เป็นผู้ซื้อที่ดินพิพาท แต่โจทก์ไม่ได้เข้าครอบครองที่ดินพิพาทเกิน ๑ ปี นับแต่วันซื้อโจทก์ย่อมขาดสิทธิความเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทนั้นเห็นว่า ข้อเท็จจริงคดีนี้ไม่ปรากฏว่าจำเลยและนายถนอมได้แบ่งแยกที่ดินกันเป็นส่วนสัดแล้ว โจทก์จึงเข้าเป็นเจ้าของรวมในที่พิพาทร่วมกับจำเลย ดังนั้นการที่จำเลยครอบครองที่พิพาท จึงเป็นการครอบครองแทนโจทก์ แม้โจทก์จะมิได้เข้าครอบครองที่พิพาทเกิน ๑ ปี นับแต่วันซื้อ โจทก์ก็ไม่ขาดสิทธิความเป็นเจ้าของที่พิพาท
พิพากษายืน.