คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 595/2530

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยและ ถ. เคยเป็นสามีภริยา มีชื่อ ร่วมกันเป็นเจ้าของที่ดินพิพาท ต่อมาเลิกเป็นสามีภริยากัน แต่ ถ. มิได้สละการครอบครองที่ดินพิพาท และยังคงครอบครองหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ดินพิพาทตลอดมา จึงมีสิทธิขายที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยและ ถ. ได้แบ่งแยกที่ดินพิพาทกันเป็นสัดส่วนการที่ นาย ถ. โอนขายที่ดินพิพาทเฉพาะส่วนของตนแก่โจทก์ โจทก์จึงเข้าเป็นเจ้าของรวมร่วมกับจำเลย การที่จำเลยครอบครองที่ดินพิพาทจึงเป็นการครอบครองแทนโจทก์ แม้โจทก์มิได้เข้าครอบครองเกิน 1 ปีนับแต่วันซื้อโจทก์ก็ไม่ขาดสิทธิความเป็นเจ้าของที่ดินพิพาท.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยแบ่งแยกที่ดินพิพาทให้โจทก์
จำเลยให้การและฟ้องแย้ง ขอให้ยกฟ้องโจทก์ และบังคับโจทก์โอนที่ดินพิพาทเป็นชื่อของจำเลย แล้วห้ามโจทก์เกี่ยวข้องอีกต่อไป
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า สามีจำเลยมีสิทธิขายที่ดินพิพาทให้โจทก์ และคดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยแบ่งแยกที่ดินพิพาทให้โจทก์ ยกฟ้องแย้งจำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลชั้นต้นพิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่า จำเลยและนายถนอม ถนอมศักดิ์ศรี เคยเป็นสามีภรรยากันแต่มิได้จดทะเบียนสมรส มีบุตรด้วยกัน 4 คน ต่อมาเลิกเป็นสามีภรรยากันจำเลยและนายถนอมมีชื่อเป็นเจ้าของที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ 451/259 รายพิพาทร่วมกัน วันที่ 28 กันยายน 2521นายถนอมจดทะเบียนต่อเจ้าพนักงานขายที่ดินพิพาทเฉพาะส่วนของตนให้แก่โจทก์ ปัญหาจะต้องวินิจฉัยข้อแรกมีว่า นายถนอมมีสิทธิขายที่ดินพิพาทแก่โจทก์หรือไม่ จำเลยให้การและนำสืบว่า จำเลยกับนายถนอมตกลงเลิกการเป็นสามีภรรยากัน จำเลยมอบเงิน 5,000 บาทและสุกร 1 ตัวให้นายถนอม ส่วนนายถนอมยอมสละสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทให้แก่จำเลย ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยมิได้มอบเงินและสุกรแก่นายถนอมแล้วนายถนอมยอมสละสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทให้จำเลยดังที่จำเลยให้การ จำเลยมิได้อุทธรณ์ในประเด็นข้อนี้ ข้อเท็จจริงจึงเป็นอันยุติว่านายถนอมมิได้สละการครอบครองที่ดินพิพาทแก่จำเลยทั้งได้ความต่อไปว่านายถนอมเป็นผู้ครอบครองหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ดินพิพาทตลอดมา และยังนำไปจดทะเบียนโอนขายแก่โจทก์แสดงว่าสิทธิการเป็นเจ้าของของนายถนอมมีอยู่ตามเดิม เชื่อว่านายถนอมยังคงมีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทอยู่ นายถนอมจึงมีสิทธิขายที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ ปัญหาต่อไปจำเลยฎีกาว่า แม้โจทก์เป็นผู้ซื้อที่ดินพิพาทแต่โจทก์ไม่ได้เข้าครอบครองที่ดินพิพาทเกิน 1 ปี นับแต่วันซื้อ โจทก์ย่อมขาดสิทธิความเป็นเจ้าของที่ดินพิพาท เห็นว่าข้อเท็จจริงคดีนี้ไม่ปรากฏว่าจำลเยและนายถนอมได้แบ่งแยกที่ดินพิพาทกันเป็นส่วนสัดแล้ว จำเลยและนายถนอมจึงเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทร่วมกัน การที่นายถนอมโอนขายที่ดินพิพาทเฉพาะส่วนของตนแก่โจทก์ตามเอกสารหมาย จ.2 โจทก์จึงเข้าเป็นเจ้าของรวมในที่ดินพิพาทร่วมกับจำเลย ดังนั้นการที่จำเลยครอบครองที่ดินพิพาทจึงเป็นการครอบครองแทนโจทก์ แม้โจทก์จะมิได้เข้าครอบครองที่ดินพิพาทเกิน 1 ปี นับแต่วันซื้อ โจทก์ก็ไม่ขาดสิทธิความเป็นเจ้าของที่ดินพิพาท ศาลล่างทั้งสองพิพากษาชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นฎีกาแทนโจทก์500 บาท”.

Share