แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้ ป.วิ.พ. มาตรา 271 จะบัญญัติให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลภายในกำหนดสิบปีนับแต่วันที่มีคำพิพากษาก็ตาม แต่หาได้กำหนดให้เสร็จสิ้น ภายในกำหนด 10 ปีไม่ ปรากฏว่าภายหลังจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตามยอมแล้ว จำเลยที่ 1 และที่ 2 ไม่ชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ โจทก์จึงดำเนินการบังคับคดีขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดเงินเดือนของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ซึ่งนายจ้างได้ส่งเงินตามที่เจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดเดือนละ 2,000 บาท ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีตลอดมา แต่ยังไม่ครบหนี้ตามหมายบังคับ เมื่อโจทก์ดำเนินการบังคับคดีมาโดยตลอดดังนี้ แม้เกิน 10 ปี นับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา โจทก์ก็ยังสามารถดำเนินการบังคับคดีต่อไปได้จนกว่าการบังคับคดีดังกล่าวจะแล้วเสร็จ
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความ โดยจำเลยทั้งสามยินยอมร่วมกันชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 823,125 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงินจำนวน 810,000 บาท ตกลงผ่อนชำระรายเดือน เริ่มชำระงวดแรกภายในวันที่ 5 มกราคม 2541 และงวดต่อ ๆ ไปทุกวันที่ 5 ของเดือนจนกว่าจำเลยทั้งสามจะชำระหนี้ให้แก่โจทก์เสร็จสิ้น หากผิดนัดงวดหนึ่งงวดใดยินยอมให้โจทก์บังคับคดีได้ทันที ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความให้เป็นพับ จำเลยทั้งสามไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์ขอให้บังคับคดีและขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดเงินเดือนของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ซึ่งมีสิทธิได้รับจากองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย (ต่อมาเป็นบริษัท ที โอ ที จำกัด (มหาชน)) ซึ่งเป็นหน่วยงานต้นสังกัด ต่อมาองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยได้ส่งเงินตามคำสั่งอายัดเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ขอให้เพิกถอนการอายัดแต่เจ้าพนักงานบังคับคดีปฏิเสธคำร้องดังกล่าว
ศาลชั้นต้น มีคำสั่งยกคำร้อง
จำเลยที่ 1 และที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 ฎีกาว่า การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีมีคำสั่งอายัดเงินเดือนของจำเลยที่ 1 และที่ 2 เมื่อพ้นระยะเวลา 10 ปี แห่งการบังคับคดีแล้วไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น เห็นว่า แม้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 จะบัญญัติให้เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลภายในกำหนด 10 ปี นับแต่วันที่มีคำพิพากษาหรือคำสั่งก็ตาม แต่หาได้กำหนดให้บังคับคดีให้เสร็จสิ้นภายในกำหนด 10 ปีไม่ คดีนี้ข้อเท็จจริงปรากฏว่าภายหลังจากที่ศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาตามยอมแล้ว จำเลยที่ 1 และที่ 2 ไม่ชำระหนี้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ โจทก์จึงดำเนินการบังคับคดีโดยขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดเงินเดือนของจำเลยที่ 1 และที่ 2 ซึ่งบริษัท ที โอ ที จำกัด (มหาชน) ได้ส่งเงินตามที่เจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดเดือนละ 2,000 บาท ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีตลอดมา แต่ยังไม่ครบหนี้ตามหมายบังคับคดี เมื่อข้อเท็จจริงได้ความว่า โจทก์ดำเนินการบังคับคดีมาโดยตลอด ดังนี้ แม้เกิน 10 ปี นับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา โจทก์ก็ยังสามารถดำเนินการบังคับคดีต่อไปได้จนกว่าการบังคับคดีดังกล่าวจะแล้วเสร็จ คำสั่งของศาลชั้นต้นในคดีที่จำเลยที่ 1 และที่ 2 อ้าง ไม่ผูกพันคดีนี้ และกรณีไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาข้ออื่นของจำเลยที่ 1 และที่ 2 อีกเพราะไม่มีผลเปลี่ยนแปลงคำพิพากษานี้ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาของจำเลยที่ 1 และที 2 ฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง ศาลชั้นต้นยกคำร้องของจำเลยที่ 1 และที่ 2 โดยมิได้สั่งในเรื่องค่าฤชาธรรมเนียม ศาลฎีกาเห็นสมควรสั่งให้ถูกต้องด้วย
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นและชั้นฎีกาให้เป็นพับ