แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การกระทำอันจะเป็นผิดตามมาตรา 328 ก.ม.ลักษณะอาญานั้นจะต้องเป็นการกระทำที่เข้าเกณฑ์ตามมาตรา 327 อันเป็นหลักทั่วไปในเรื่องความผิดฐานบุกรุก คือ ผู้กระทำมีเจตนาจะมิให้ผู้อื่นครอบครองทรัพย์ของเขาอันจะพึงเคลื่อนจากที่มิได้นั้นโดยความปกติสุข
จำเลยพาราษฎรไปขุดร่องชักน้ำในเขตต์นาของโจทก์ ทำให้เนื้อที่นาของโจทก์พังเสียหาย แต่จำเลยกระทำเพื่อป้องกันมิให้น้ำในลำห้วยน้ำแก่นทำลายฝายหลวงอันเป็นเหมืองสาธารณะ ซึ่งจะทำให้เกิดเสียหายแก่นาราษฎรมากมายหลายตำบล ดังนี้ จำเลยหาได้มีเจตนาที่จะมิให้โจทก์ครอบครองที่พิพาทโดยความปกติสุขแต่ประการใดไม่ หากแต่จำเลยได้กระทำไปเพื่อบำบัดป้องกันภยันตรายแก่สาธารณะ อันแลเห็นอยู่ว่าจะเกิดขึ้นเท่านั้น การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานบุกรุกตามหลักเกณฑ์ในมาตรา 327 และจำเลยย่อมไม่มีผิดตามมาตรา 328 และการเสียหายที่จะเกิดขึ้น ย่อมนับได้ว่า เป็นภยันตรายซึ่งมีมาเป็นสาธารณะโดยฉุกเฉิน ซึ่งบุคคลอาจทำบุบสลายหรือทำลายทรัพย์สิ่งใดสิ่งหนึ่ง เพื่อจะบำบัดปัดป้องภยันตรายนี้ได้ตาม ป.ม.แพ่ง ฯ มาตรา 450 และการที่จำเลยกระทำนี้ ก็ไม่เกินสมควรแก่เหตุ จะว่าจำเลยไม่มีอำนาจที่จะทำได้โดยชอบด้วยกฎหมายไม่ได้ การกระทำของจำเลยไม่เป็นผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 324 อีกด้วย.
ย่อยาว
ความว่า จำเลยที่ ๑ เป็นกำนัน ได้พาราษฎรขุดร่องชักน้ำในเขตต์นาของโจทก์ ทำให้เนื้อที่นาของโจทก์ฟังเสียหาย แต่จำเลยกระทำเพื่อป้องกันมิให้น้ำในลำห้วยน้ำแก่นไปทำลายฝายหลวงอันเป็นเหมืองสาธารณะ ซึ่งจะทำให้เกิดความเสียหายแก่นาราษฎรมากมายหลายตำบล โจทก์จึงฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๓๒๘ อนุมาตรา ๒,๓ และมาตรา ๓๒๔ จำเลยให้การปฏิเสธ และว่าจำเลยได้ขุดร่องน้ำในลำห้วยน้ำแก่น โดยกระทำตามคำสั่งของคณะกรมการอำเภอเมืองน่านสั่งให้ทำการขุด มิฉะนั้นจะเกิดความเสียหายอันใหญ่ยิ่งแก่ชาวนาเป็นจำนวนมาก ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้อง แต่จำเลยกระทำไปเพื่อป้องกันความเสียหายอันจะเกิดจากเหมืองฝายจะพัง เป็นความดีเพื่อสาธารณะประโยชน์ ให้ปรับ ๑๐๐ บาท
ศาลอุทธรณ์แก้ให้ลงโทษจำคุก ๑ เดือน ปรับ ๑๐๐ บาท โทษจำคุกให้ยกเสีย
จำเลยฎีกา,
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การกระทำอันจะเป็นผิดตามมาตรา ๓๒๘ ก.ม.ลักษณะอาญานั้น จะต้องเป็นการกระทำที่เข้าเกณฑ์ตามมาตรา ๓๒๗ อันเป็นหลักทั่วไปในเรื่องความผิดฐานบุกรุกเสียก่อน และเกณฑ์สำคัญในมาตรา ๓๒๗ มีว่า ผู้กระทำมีเจตนาจะมิให้ผู้อื่นครอบครองทรัพย์ของเขาอันจะพึงเคลื่อนจากที่มิได้นั้นโดยความปกติสุข ข้อเท็จจริงในคดีนี้ปรากฎว่าจำเลยหาได้มีเจตราที่จะมิให้โจทก์ครอบครองที่พิพาทโดยปกติสุขแต่ประการใดไม่ หากแต่จำเลยกระทำไปเพื่อบำบัดป้องกันภยันตรายแก่สาธารณะ อันแลเห็นอยู่ว่าจะเกิดขึ้นเท่านั้น การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานบุกรุกตามมาตรา ๓๒๗ และย่อมไม่มีผิดตามมาตรา ๓๒๘ อยู่เอง
การกระทำอันจะเป็นความผิดตามมาตรา ๓๒๔ หรือไม่นั้น ปรากฎว่าน้ำในลำห้วยน้ำแก่นเซาะดินแทงเข้าไปหาฝายหลวงอีกวาเศษเท่านั้นก็จะถึง และทำให้ฝายหลวงพัง จะทำให้เกิดการเสียหายแก่นาราษฎรหลายตำบลเป็นเนื้อที่มากมาย ดังนี้ ย่อมนับว่าเป็นภยันตรายซึ่งมีมาเป็นสาธารณะโดยฉุกเฉิน ซึ่งบุคคลอาจทำบุบสลาย หรือทำลายทรัพย์สิ่งใดสิ่งหนึ่งเพื่อบำบัดปัดป้องภยันตรายนี้ได้ ตาม ป.ม.แพ่งฯ มาตรา ๔๕๐ และการที่จำเลยกระทำนี้ก็ไม่เกินสมควรแก่เหตุ จะว่าจำเลยไม่มีอำนาจที่จะทำได้โดยขอบด้วยกฎหมายไม่ได้ การกระทำของจำเลยไม่เป็นผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๓๒๔
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง.