คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1112/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ผู้เป็นบิดาฟ้องเรียกบุตรคืนจากหญิงผู้เป็นมารดาโดยอ้างอำนาจปกครองตามมาตรา 1537 ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ แต่จำเลยก็ได้ฟ้องแย้งขอให้ศาลสั่งให้อำนาจปกครองอยู่แก่มารดาตามมาตรา 1538(6) ดังนี้ ศาลย่อมพิพากษาให้เด็กอยู่ในอำนาจปกครองของมารดาได้ในเมื่อเป็นการสมควรแก่รูปคดี เพราะมาตรา 1538 นี้ เป็นบทยกเว้นของมาตรา 1537 ที่อำนาจปกครองนั้นอยู่แก่มารดา อันเป็นกรณีธรรมดาโดยทั่วๆ ไป

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อ พ.ศ. 2483 โจทก์ได้อยู่กินกับจำเลยเช่นสามีภรรยา และมิได้จดทะเบียนสมรสเกิดบุตรด้วยกัน 1 คน คือเด็กหญิงจันทนา ต่อมาโจทก์จำเลยได้ทำการจดทะเบียนรับรองเด็กหญิงจันทนาเป็นบุตร แล้วจำเลยได้แยกไปอยู่ต่างหากและพาบุตรไปด้วยโจทก์เห็นว่าโจทก์มีฐานะและมีสิทธิที่จะเลี้ยงดูปกครองเด็กได้ดีกว่าจำเลย จึงขอให้ศาลบังคับให้จำเลยส่งตัวเด็กหญิงจันทนาให้แก่โจทก์ จำเลยต่อสู้ว่า โจทก์ไล่จำเลยมาอยู่บ้านจำเลยและคลอดเด็กหญิงจันทนาที่บ้านจำเลย โดยโจทก์มิได้เหลียวแลจำเลย ๆ ให้ความอุปการะเลี้ยงดูบุตรตลอดมา และสามารถเลี้ยงดูและให้การศึกษาแก่เด็กได้เป็นอย่างดี และฟ้องแย้งขอปกครองเด็กหญิงจันทนาผู้บุตรต่อไป ศาลชั้นต้นเห็นสมควรให้เด็กหญิงจันทนาอยู่ในอำนาจปกครองของจำเลยต่อไป ยกฟ้องโจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้ แม้โจทก์จะฟ้องอ้างอำนาจปกครองตามมาตรา 1537 ก็ดี แต่จำเลยได้ฟ้องแย้งขอให้ศาลสั่งให้อำนาจปกครองอยู่แก่มารดาตามมาตรา 1538(6) และมาตรา 1538 นี้ ย่อมเห็นได้ชัดว่าเป็นบทบัญญัติระบุกรณีพิเศษบางประการ ยกเว้นข้อความในมาตรา 1537 ที่ให้อำนาจปกครองนั้นอยู่แก่บิดา อันเป็นกรณีธรรมดาโดยทั่ว ๆ ไปฉะนั้นเมื่อโจทก์และจำเลยต่างฟ้อง และฟ้องแย้งกันเช่นนี้ ศาลย่อมพิเคราะห์วินิจฉัยพิพากษาสั่งตามที่เห็นสมควรแก่รูปคดี ศาลฎีกาเห็นสมควรสั่งให้อำนาจปกครองอยู่แก่มารดา
พิพากษายืน

Share