แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ในการฟ้องฐานปล้นทรัพย์นั้นทรัพย์ที่ถูกปล้นเอาไปเป็นรายละเอียดส่วนสำคัญที่จะต้องกล่าวในฟ้องให้ปรากฏ หากไม่สามารถจะกล่าวถึงรายละเอียดให้ทราบได้ว่าทรัพย์สิ่งใดบ้างที่ถูกปล้นไปอย่างน้อยก็ต้องระบุถึงประเภทลักษณะ และชนิดของทรัพย์เหล่านั้น เท่าที่จำเลยเข้าใจในเรื่องที่ตนถูกหาได้
โจทก์ฟ้องหาว่าปล้นทรัพย์แต่ไม่ได้กล่าวว่า ทรัพย์ที่ถูกปล้นเป็นทรัพย์อะไรบ้าง และราคาเท่าใด ศาลสั่งให้แก้ฟ้อง โจทก์ก็ไม่จัดการหรือพยายามจัดการขอแก้หรือเพิ่มเติมฟ้องตามที่ศาลสั่งนั้นแต่ประการใดฟ้องของโจทก์จึงถือได้ว่า ไม่ได้กล่าวรายละเอียดถึงสิ่งของที่เกี่ยวข้องพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องกล่าวว่า จำเลยสมคบกันปล้นทรัพย์ของนายอองไปหลายอย่างแต่เป็นทรัพย์อะไรบ้าง และราคาเท่าไร การสอบสวนไม่ปรากฏ และในการปล้นนี้จำเลยสมคบกันทำร้ายร่างกายนายอองถึงแก่ความตายโดยเจตนาฆ่าให้ตาย ขอให้ลงโทษ ศาลชั้นต้นสั่งประทับฟ้องเฉพาะข้อหาฐานฆ่าคนตายส่วนข้อหาฐานปล้นทรัพย์นั้น สั่งว่าฟ้องไม่ระบุทรัพย์ที่ปล้นขัดต่อมาตรา 158 ข้อ 5 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ให้โจทก์แก้ฟ้องให้ถูกต้องภายใน 7 วันมิฉะนั้นไม่รับฟ้อง แต่โจทก์หาแก้ฟ้องไม่ เป็นแต่ยื่นคำร้องว่า ทรัพย์ของเจ้าทรัพย์ได้ถูกรื้อกระจุยกระจายแสดงว่าจำเลยได้ค้นเก็บทรัพย์เอาไป จะเป็นทรัพย์อะไรบ้างการสอบสวนไม่ปรากฏ เพราะเจ้าทรัพย์ได้ถึงแก่ความตายและกล่าวต่อไปว่า ถ้าศาลยังสงสัยว่าจำเลยไม่อาจเก็บทรัพย์ของเจ้าทรัพย์ไปเลย ศาลก็ลงโทษฐานพยายามปล้นทรัพย์ได้ ศาลชั้นต้นจึงสั่งไม่ประทับฟ้องในข้อหาฐานปล้นทรัพย์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในการฟ้องหาฐานปล้นทรัพย์นั้น ทรัพย์ที่ถูกปล้นเอาไป เป็นรายละเอียดส่วนสำคัญที่จะต้องกล่าวในฟ้องให้ปรากฏหากไม่สามารถจะกล่าวถึงรายละเอียดให้ทราบได้ว่าเป็นทรัพย์สิ่งใดบ้างที่ถูกปล้นไป อย่างน้อยก็ต้องระบุถึงประเภท ลักษณะ และชนิดของทรัพย์เหล่านั้น เท่าที่พอจะให้จำเลยเข้าใจในเรื่องทรัพย์ตามตนถูกหาได้ คดีนี้ฟ้องไม่ได้กล่าวเสียเลย ยิ่งกว่านั้นศาลได้สั่งให้แก้ฟ้อง โจทก์ไม่จัดการหรือพยายามจัดการขอแก้ไข หรือเพิ่มเติมฟ้องตามที่ศาลสั่งนั้นประการใด จึงถือว่าฟ้องของโจทก์ในข้อหาฐานปล้นทรัพย์ ไม่ได้กล่าวรายละเอียดถึงสิ่งของที่เกี่ยวข้องพอสมควรเท่าที่จะให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี
พิพากษายืน