แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สิทธิครอบครองที่ดินพิพาทซึ่งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติเป็นทรัพย์สินอย่างหนึ่งของ อ.มิใช่สิทธิเฉพาะตัว จึงตกได้แก่ทายาท โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของ อ.จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยทั้งสองที่เข้ามาโต้แย้งสิทธิได้
เมื่อศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาว่าสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทเป็นของ อ.ผู้ตายและตกได้แก่ ฤ.ทายาทตามพินัยกรรม จำเลยทั้งสองเป็นเพียงผู้ครอบครองที่ดินพิพาทแทนทายาทของ อ.เท่านั้น ไม่มีสิทธิครอบครองแต่อย่างใดจำเลยทั้งสองไม่ได้อุทธรณ์ในปัญหาข้อนี้ ข้อเท็จจริงจึงฟังเป็นยุติแล้วว่าจำเลยทั้งสองไม่มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาท จำเลยที่ 2 จึงหาอาจยกปัญหาเรื่องจำเลยทั้งสองมีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาทดีกว่าโจทก์ขึ้นเป็นข้อฎีกาได้ต่อไปไม่ เพราะเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในชั้นอุทธรณ์ ต้องห้ามมิให้ฎีกาตาม ป.วิ.พ.มาตรา 249 วรรคหนึ่ง