แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากอสังหาริมทรัพย์อันอาจให้เช่าได้ในขณะยื่นฟ้องไม่เกินเดือนละหนึ่งหมื่นบาทต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคสองการที่โจทก์ฎีกาว่า โจทก์ได้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดิน พิพาทก่อนที่ทางราชการจะถือเป็นที่สาธารณะ เป็นฎีกาใน ข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว ที่ดินที่ต้องออกเป็นพระราชกฤษฎีกาและประกาศในราชกิจจานุเบกษาก่อนขึ้นทะเบียนเป็นที่สาธารณประโยชน์ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการหวงห้ามที่รกร้างว่างเปล่าฯ นั้นจำกัดเฉพาะที่ดินรกร้างว่างเปล่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304(1) เท่านั้นที่ดินพิพาทเป็นที่ใช้เลี้ยงสัตว์ซึ่งพลเมืองใช้ร่วมกัน จึงเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภททรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304(2) ซึ่งไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องขึ้นทะเบียนและออกเป็นพระราชกฤษฎีกาแต่ประการใด
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินตามหนังสือแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1) เลขที่ 220, 221และ 223 จำเลยจงใจบุกรุกเข้าไปเพื่อแย่งการครอบครองที่ดินโจทก์ทั้งหมดด้วยการก่อสร้างหลักโยงสายเหล็กขึงเสาอากาศ 2 หลักในที่ดินโจทก์และทำลายทรัพย์สินของโจทก์อันเป็นการละเมิดโจทก์ขอคิดค่าสินไหมทดแทนจำนวน 2,000 บาท จำเลยห้ามโจทก์เข้าทำประโยชน์ในที่ดินทำให้โจทก์ไม่สามารถทำนาข้าวและไร่ถั่ว จำเลยมีหน้าที่ชำระค่าเสียหายในส่วนนี้เดือนละ 3,000บาท ขอให้ขับไล่จำเลยรื้อถอนหลักโยงสายเหล็กขึงเสาอากาศออกจากที่ดินโจทก์ ถ้าจำเลยไม่ปฏิบัติตาม ให้โจทก์เป็นผู้รื้อถอนและขนย้ายทรัพย์สินโดยให้จำเลยเป็นผู้ชำระค่าใช้จ่ายห้ามจำเลยยุ่งเกี่ยวและรบกวนการครอบครองที่ดินของโจทก์ ให้จำเลยชำระค่าสินไหมทดแทนจำนวน 2,000 บาท และค่าเสียหายเดือนละ 3,000 บาท นับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจำเลยจะออกจากที่ดินโจทก์
จำเลยให้การว่า ที่พิพาทเป็นที่ดินสาธารณะอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภททรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน จำเลยก่อสร้างอาคารและลงสมอยึดหลักโยงสายเหล็กขึงเสาอากาศในที่พิพาทโดยได้รับอนุญาตจากกระทรวงมหาดไทยไม่ได้ทำละเมิดต่อโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากอสังหาริมทรัพย์อันอาจให้เช่าได้ในขณะยื่นฟ้องไม่เกินเดือนละหนึ่งหมื่นบาท ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคสอง ที่โจทก์ฎีกาว่า โจทก์ได้ครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทก่อนที่ทางราชการจะถือเป็นสาธารณะ เป็นฎีกาในข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งดังกล่าว ที่ดินที่ต้องออกเป็นพระราชกฤษฎีกาและประกาศในราชกิจจานุเบกษาก่อนขึ้นทะเบียนเป็นที่สาธารณประโยชน์ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการหวงห้ามที่รกร้างว่างเปล่านั้น จำกัดเฉพาะที่ดินรกร้างว่างเปล่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304(1) เท่านั้น ที่ดินพิพาทเป็นที่ใช้เลี้ยงสัตว์ซึ่งพลเมืองใช้ร่วมกัน จึงเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภททรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1304(2) ซึ่งไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องขึ้นทะเบียนและออกเป็นพระราชกฤษฎีกาแต่ประการใด
พิพากษายืน