แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์จำเลยได้พิพาทกันมาครั้งหนึ่งแล้ว โดยโจทก์ได้ฟ้องขอให้เพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความที่ ว. ยกบ้านและที่ดินพิพาทให้แก่จำเลย ซึ่งในคดีนั้นจำเลยต่อสู้ว่าทรัพย์พิพาทไม่ใช่ของโจทก์ แต่เป็นของ ค. และจำเลยศาลฎีกาพิพากษาว่าทรัพย์พิพาทเป็นของค. ซึ่งได้จดทะเบียนยกให้โจทก์และน้องแล้ว สัญญาประนีประนอมยอมความระหว่าง ว. และจำเลยฝ่าฝืนประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1546 ไม่มีผลผูกพันโจทก์ คำพิพากษาในคดีก่อนได้วินิจฉัยชี้ขาดแล้วว่าบ้านพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ จึงผูกพันจำเลยซึ่งเป็นคู่ความในคดีก่อนแล้วด้วย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างมีห้องแถว8 ห้อง และบ้านอีก 10 หลัง คือบ้านเลขที่ 33, 35, 35/1, 37, 37/1, 37/2, 73,73/1, 83/1 และ 85 จำเลยและบริวารได้เข้าอยู่อาศัยบ้านเลขที่ 37, 85, 85/2และห้องแถวเลขที่ 71 โดยไม่มีสิทธิ ขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากบ้านและห้องแถวของโจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่ได้เป็นเจ้าของที่ดินพิพาท แต่เป็นของจำเลยจำเลยได้ครอบครองที่ดินและห้องแถวพิพาทโดยจำเลยปลูกสร้างมากว่า10 ปีแล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิ ไม่มีอำนาจฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ได้มีคำพิพากษาศาลฎีกาในสำนวนคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 8109/2513 ของศาลแพ่งวินิจฉัยว่า บ้านเลขที่ 37, 85 และ 85/2 เป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ จึงผูกพันโจทก์และจำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 ส่วนห้องแถวเลขที่ 71เชื่อว่าเป็นของนางคำ คุรุรัตน์ จดทะเบียนยกให้โจทก์จึงเป็นของโจทก์ จำเลยและบริวารไม่มีสิทธิอยู่ในบ้านและห้องแถวพิพาท พิพากษาให้จำเลยและบริวารออกไปจากบ้านเลขที่ 37, 85 และ 85/2 กับห้องแถวเลขที่ 71
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เฉพาะบ้านเลขที่ 85, 85/2 และ 37 โจทก์จำเลยได้พิพาทกันมาครั้งหนึ่งแล้ว ตามสำนวนคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 8109/2513ของศาลแพ่ง โดยพนักงานอัยการเพื่อประโยชน์แก่โจทก์ทั้งสามและน้องของโจทก์อีก 3 คน ซึ่งเป็นผู้เยาว์ได้ฟ้องขอให้เพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความที่นายวิชัยในฐานะบิดาผู้แทนโดยชอบธรรมของโจทก์ ยกห้องแถวเลขที่ 65 พร้อมที่ดินกับยกบ้านเลขที่ 37, 85 และ 85/2 ให้แก่จำเลย อ้างว่าเป็นการทำสัญญาประนีประนอมยอมความเกี่ยวกับทรัพย์สินของผู้เยาว์โดยมิได้รับอนุญาตจากศาลคดีเด็กและเยาวชนกลาง จำเลยถูกหมายเรียกให้เป็นจำเลยร่วมคดีดังกล่าวและให้การต่อสู้ว่าทรัพย์ที่นายวิชัยทำสัญญาประนีประนอมยอมความยกให้แก่จำเลยไม่ใช่เป็นของโจทก์ แต่เป็นของนางคำและจำเลย ศาลฎีกาพิพากษาว่าทรัพย์ที่พิพาทคดีดังกล่าวเป็นของนางคำซึ่งได้จดทะเบียนยกให้แก่โจทก์และน้องแล้ว สัญญาประนีประนอมยอมความระหว่างนางวิชัยและจำเลยฝ่าฝืนประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1546 จึงไม่มีผลผูกพันโจทก์ เห็นได้ว่าคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 8109/2513 ได้วินิจฉัยชี้ขาดแล้วว่าบ้านเลขที่ 85, 85/2และ 37 เป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ จึงผูกพันจำเลยซึ่งเป็นคู่ความในคดีดังกล่าวแล้วด้วย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 (แล้ววินิจฉัยว่าห้องแถวเลขที่ 71 เป็นของโจทก์)
พิพากษายืน