แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยทั้งสองตกลงจะขายเมทแอมเฟตามีนจำนวน 1 เม็ด ให้แก่ ส. ในราคา 150 บาท และรับเงินค่า เมทแอมเฟตามีนจาก ส. ไว้แล้ว แต่ขณะที่จำเลยที่ 1 กำลังใช้ไขควงคลายน็อตยึดฝาครอบไฟท้ายรถจักรยานยนต์ของกลางซึ่งมีเมทแอมเฟตามีนบรรจุอยู่ในหลอดกาแฟจำนวน 20 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ เพื่อจะนำเมทแอมเฟตามีนจำนวน 1 เม็ด ออกมามอบให้แก่ ส. ก็ถูกสิบตำรวจโท จ. กับพวกจับกุมเสียก่อน โดยขณะนั้นจำเลยทั้งสองยังมิได้แยกเมทแอมเฟตา-มีนจำนวน 1 เม็ด ออกจากหลอดกาแฟมาส่งมอบให้แก่ ส. การซื้อขายเมทแอมเฟตามีนระหว่างจำเลยกับ ส. จึงยัง ไม่สำเร็จบริบูรณ์ การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นความผิดฐานพยายามจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำนวน 1 เม็ด เท่านั้น และเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่ 1 ซึ่งมิได้ฎีกาได้ด้วย ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 213 ประกอบด้วย มาตรา 225
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔, ๗, ๘, ๑๕, ๖๖, ๑๐๒ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒, ๓๓, ๘๓, ๙๑ และริบของกลางทั้งหมด
จำเลยที่ ๑ ให้การรับสารภาพ ส่วนจำเลยที่ ๒ ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๖๖ ประกอบมาตรา ๑๕ (ที่ถูกมาตรา ๑๕ วรรคหนึ่ง, ๖๖ วรรคหนึ่ง) และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓ การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทั้งฐานจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท ๑ และฐานมียาเสพติดให้โทษในประเภท ๑ ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๑ จำคุกคนละกระทงละ ๕ ปี รวมเป็นจำคุกคนละ ๑๐ ปี จำเลยที่ ๑ ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยที่ ๑ มีกำหนด ๕ ปี ริบของกลาง
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๒ พิพากษาแก้เป็นว่า ก่อนรวมโทษ ให้ลดโทษให้จำเลยที่ ๑ กระทงละกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ แล้ว ฐานจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท ๑ และฐานมียาเสพติดให้โทษในประเภท ๑ ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุกกระทงละ ๒ ปี ๖ เดือน รวมโทษทุกกระทงแล้วจำคุกจำเลยที่ ๑ มีกำหนด ๔ ปี ๑๒ เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า
คดีมีปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ ๒ ว่า จำเลยที่ ๒ กระทำความ ผิดฐานร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนตามฟ้องกระทงหลังสำเร็จสำเร็จแล้วหรือไม่ ในการวินิจฉัยปัญหา ข้อกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาจำต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๒ ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๒๒ ทั้งนี้โดยศาลอุทธรณ์ภาค ๒ ฟังข้อเท็จจริงว่า วันเกิดเหตุ จำเลยทั้งสองตกลงจะขายเมทแอมเฟตามีนจำนวน ๑ เม็ด ให้แก่นายสุชาติ ผิวผ่อง ในราคา ๑๕๐ บาท และรับเงินค่า เมทแอมเฟตามีนจากนายสุชาติไว้แล้ว แต่ขณะที่จำเลยที่ ๑ กำลังใช้ไขควงไขน็อตยึดฝาครอบไฟท้ายรถจักรยานยนต์ของกลาง ซึ่งภายในมีเมทแอมเฟตามีนจำนวน ๒๐ เม็ด บรรจุอยู่ในหลอดกาแฟซุกซ่อนอยู่เพื่อจะนำเมทแอมเฟตามีนจำนวน ๑ เม็ด ออกมามอบให้แก่นายสุชาติก็ถูกสิบตำรวจโทจีรพนธ์ บริรักษ์ กับพวกจับกุมเสียก่อน ซึ่งจำเลยที่ ๒ ฎีกาว่าแม้จะมีการตกลงซื้อขายเมทแอมเฟตามีนจำนวน ๑ เม็ด และมีการชำระราคากันแล้ว แต่ยังไม่มีการส่งมอบเมทแอมเฟตามีนให้แก่ผู้ซื้อ ความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจึงยังไม่สมบูรณ์ ศาลฎีกาเห็นว่า ขณะที่จำเลยทั้งสองถูกสิบตำรวจโทจีรพนธ์กับพวกจับกุมนั้น จำเลยที่ ๑ เพียงแต่ได้รับเงินค่าเมทแอมเฟตามีนจำนวน ๑๕๐ บาท ไว้จากนายสุชาติ และกำลังใช้ ไขควงไขน็อตยึดฝาครอบไฟท้ายรถจักรยานยนต์ของกลางเพื่อจะนำเมทแอมเฟตามีนจำนวน ๑ เม็ด จากจำนวน ๒๐ เม็ด ซึ่งบรรจุอยู่ในหลอดกาแฟซุกซ่อนอยู่ในฝาครอบไฟท้ายออกมาส่งมอบให้แก่นายสุชาติ แต่ขณะถูกจับกุมจำเลยทั้งสองยังมิได้แยกเมทแอมเฟตามีนจำนวน ๑ เม็ด ออกจากหลอดกาแฟมาส่งมอบให้แก่นายสุชาติ การซื้อขายเมทแอมเฟตามีนระหว่างจำเลยกับนายสุชาติจึงยังไม่สำเร็จบริบูรณ์ การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นความผิดฐานพยายามจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำนวน ๑ เม็ด ดังกล่าวเท่านั้น ทั้งนี้ ตามนัยคำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๖๘๔/๒๕๓๑ ระหว่าง พนักงานอัยการจังหวัดอุบลราชธานี โจทก์ นายพิชัย ไชยยะนาค จำเลย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค ๒ วินิจฉัยว่า การซื้อขายดังกล่าวเกิดขึ้นสมบูรณ์เป็นความผิดฐานร่วมกันจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนสำเร็จบริบูรณ์แล้ว จึงไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของจำเลยที่ ๑ ฟังขึ้น แต่เนื่องจากเป็นเหตุอยู่ในส่วนลักษณะคดี ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจพิพากษาตลอดไปถึงจำเลยที่ ๑ ซึ่งมิได้ฎีกาได้ด้วย ทั้งนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๑๓ ประกอบด้วยมาตรา ๒๒๕
พิพากษาแก้เป็นว่า การกระทำของจำเลยทั้งสองตามฟ้องกระทงหลังความผิดฐานร่วมกันพยายามจำหน่าย เมทแอมเฟตามีนตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๑๕ วรรคหนึ่ง, ๖๖ วรรคหนึ่ง ประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๐, ๘๓ จำคุกคนละ ๓ ปี ๔ เดือน ลดโทษให้จำเลยที่ ๑ กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ แล้ว คงจำคุกจำเลยที่ ๑ สำหรับความผิดฐานนี้ ๑ ปี ๘ เดือน เมื่อรวมโทษของจำเลยทั้งสองในความผิดฐานนี้เข้ากับโทษของจำเลยทั้งสองในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายแล้วเป็นจำคุกจำเลยที่ ๑ มีกำหนด ๓ ปี ๑๔ เดือน และจำคุกจำเลยที่ ๒ มีกำหนด ๘ ปี ๔ เดือน นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษา ศาลอุทธรณ์ภาค ๒