คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 590/2536

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ความผิดตาม ป.อ. มาตรา 220 นั้น จะต้องน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือของผู้อื่น ปรากฏข้อเท็จจริงเพียงว่าบ้านเกิดเหตุอยู่ห่างจากบ้านของผู้อื่น 15 เมตร โดยไม่ปรากฏว่าเปลวเพลิงได้ลุกลามไปทางบ้านของผู้อื่นแต่อย่างใด เมื่อโจทก์ไม่นำสืบให้ศาลเห็นว่าการวางเพลิงเผาบ้านครั้งนี้น่าจะเป็นอันตรายแก่บ้านเรือนของผู้อื่นอย่างไร เช่นว่า สภาพแวดล้อมของบ้านเกิดเหตุ ทิศทางลมและเปลวเพลิงขณะเกิดเพลิงไหม้เป็นอย่างไร จนน่าจะไหม้ลามไปถึงบ้านเรือนของผู้อื่นที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงกันหรือไม่ เป็นต้นการกระทำของจำเลยย่อมไม่เป็นความผิด.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 218,220, 33 และริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ ต่อมาจำเลยขอถอนคำให้การเดิมและให้การใหม่เป็นรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 220 วรรคแรก ให้จำคุก 2 ปี ปรับ 8,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี ปรับ 4,000 บาทของกลางริบพิเคราะห์ตามพฤติการณ์แห่งคดี ประกอบกับจำเลยถูกจำคุกอยู่ระหว่างการพิจารณาเป็นเวลานานพอสมควรแล้ว จึงให้รอการลงโทษไว้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 มีกำหนด 2 ปีคำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก และกำหนดเงื่อนไขเพื่อคุมประพฤติจำเลย
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 220วรรคสอง
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัย “มีปัญหาจะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 220หรือไม่ ปัญหาว่าการที่จำเลยเผาบ้านของตนเองจนน่าจะเป็นอันตรายแก่ทรัพย์ของผู้อื่นหรือไม่นั้น โจทก์คงมีร้อยตำรวจเอกสุรพลตันธนสาร พนักงานสอบสวนเบิกความประกอบแผนที่เกิดเหตุเอกสารหมาย จ.4ได้ความเพียงว่า ในละแวกบ้านเกิดเหตุมีบ้านของผู้อื่นรวม 3 หลังหลังที่ใกล้ชิดกับบ้านเกิดเหตุที่สุดมีระยะห่างกันประมาณ 15 เมตรแต่เมื่อพิจารณาสภาพของบ้านเกิดเหตุตามภาพถ่ายหมาย จ.2 ประกอบรายงานตรวจสถานที่เกิดเหตุเอกสารหมาย จ.11 แล้ว พบว่า บ้านเกิดเหตุเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวยกพื้นสูง 1 เมตร ขนาดกว้างยาว 6 x 8 เมตรหลังคามุงหญ้าคาฝาไม้ไผ่ พื้นฟาก ปลูกอยู่กลางทุ่งนา ด้านหน้าเป็นที่ว่างโล่งเตียน ส่วนอีกสามด้านแวดล้อมไปด้วยทิวไม้ค่อนข้างหนาทึบไม่มีสิ่งบ่งบอกว่าหากเกิดเพลิงไหม้แล้วน่าจะเป็นอันตรายแก่บ้านเรือนที่อยู่ข้างเคียง และคดีนี้แม้โจทก์จะมีนางราพิณ สุยะประจักษ์พยานซึ่งอ้างว่าอยู่ในที่เกิดเหตุตั้งแต่ก่อนเกิดเพลิงไหม้จนกระทั่งเพลิงสงบลง ก็ไม่ได้ความจากคำเบิกความของพยานปากนี้ว่า การวางเพลิงเผาบ้านครั้งนี้น่าจะเป็นอันตรายแก่บ้านเรือนของผู้อื่นอย่างไร เช่นว่า สภาพแวดล้อมของบ้านเกิดเหตุ ทิศทางลมและเปลวเพลิงขณะเกิดเพลิงไหม้เป็นอย่างไรจนน่าจะไหม้ลามไปถึงบ้านเรือนของผู้อื่นที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงกันหรือไม่ เป็นต้นอันเป็นหน้าที่ของโจทก์ต้องนำสืบเพื่อพิสูจน์ความผิดของจำเลยลำพังข้อเท็จจริงว่าบ้านเกิดเหตุอยู่ห่างบ้านนายไสว 15 เมตร โดยไม่ปรากฏว่าเปลวเพลิงได้ลุกลามไปทางบ้านนายไสวแต่อย่างใด พยานหลักฐานของโจทก์จึงฟังไม่ได้ว่าการที่จำเลยวางเพลิงเผาบ้านของตนเองน่าจะเป็นอันตรายแก่บุคคลอื่นหรือทรัพย์ของผู้อื่น อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 220 วรรคแรก อาศัยเหตุดังวินิจฉัยมาข้างต้น การกระทำของจำเลยย่อมไม่เป็นความผิดตามมาตรา 220 วรรคสอง ดุจกัน ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาชอบแล้วฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.

Share