แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
แม้นายดาบตำรวจ ส. และจ่าสิบตำรวจ จ. พยานโจทก์จะเบิกความว่า จำเลยเคยถูกจับกุมในคดีเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษมาก่อนแต่ก็ไม่ปรากฏว่าในขณะกระทำผิดคดีนี้ จำเลยเป็นผู้ติดยาเสพติดให้โทษ จึงไม่อาจนำวิธีการเพื่อความปลอดภัยตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 49 มาใช้บังคับแก่จำเลยได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษพ.ศ. 2522 ฯลฯ กับขอให้ริบเฮโรอีนของกลาง คืนเงินธนบัตรของกลางแก่เจ้าของและกำหนดให้จำเลยจะต้องไม่เสพยาเสพติดให้โทษภายในเวลาที่กำหนดไม่เกินสองปี นับแต่วันพ้นโทษหรือวันปล่อยตัวตามกฎหมาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและฐานจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 โดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15, 66วรรคแรก ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 เรียงกระทงลงโทษ จำคุกกระทงละ 6 ปี สองกระทงจำคุก 12 ปี จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุม มีประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง เป็นเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลย 8 ปี ริบเฮโรอีนของกลาง คืนธนบัตรของกลางจำนวน 50 บาทแก่เจ้าของ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ ของกลางให้ริบ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…คดีฟังได้ตามทางนำสืบของโจทก์ว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้อง ข้อนำสืบของจำเลยไม่มีน้ำหนักพอหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายกฟ้อง ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาข้อนี้ของโจทก์ฟังขึ้น ส่วนฎีกาที่ขอให้ใช้วิธีการเพื่อความปลอดภัยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 49 มาด้วยนั้นเห็นว่า แม้นายดาบตำรวจสมชายและจ่าสิบตำรวจเจริญ พยานโจทก์จะเบิกความว่าจำเลยเคยถูกจับกุมในคดีเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษมาก่อนแต่ก็ไม่ปรากฏว่าในขณะกระทำผิดคดีนี้ จำเลยเป็นผู้ติดยาเสพติดให้โทษจึงไม่อาจนำวิธีการเพื่อความปลอดภัยตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 49 มาใช้บังคับแก่จำเลยตามที่โจทก์ขอได้ฎีกาโจทก์ในส่วนนี้ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น