แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เจ้าหน้าที่ผู้มีหน้าที่ออกใบอนุญาตให้น้ำมันออกได้ออกอนุญาตไปเพื่อยักยอกน้ำมันนั้น ไม่มีความผิดฐานปลอมหนังสือ,ถ้าศาลเห็นว่าการกระทำไม่เป็นความผิดแล้ว แม้จำเลยฎีกาคนเดียว ศาลฎีกาก็พิพากษาปล่อยตัวจำเลยอื่นด้วยได้
ย่อยาว
ได้ความว่าจำเลยรับราชการกรมเชื้อเพลิง เมื่อเดือนธันวาคม ๒๔๘๒ บริษัทสุพรรณพาณิชย์จำกัดสั่งซื้อน้ำมันดีเซล ๔๕๐๐๐ ลิตร์ ทางราชการได้ออกใบสั่งจ่ายน้ำมันและใบรับสินค้าส่งให้เจ้าหน้าที่คลังน้ำมันคือ จำเลยที่ ๒ จ่ายน้ำมันโดยพาหนะเรือเชื้อเพลิง ๑ ซึ่งอยู่ในบังคับบัญชาของจำเลยที่๑บรรทุกไปส่งผู้ซื้อ แต่การนำน้ำมันออกจากบริเวณได้จะต้องมีใบผ่านคือใบอนุญาตซึ่งจำเลยที่ ๑ หรือที่ ๒ เป็นเจ้าหน้าที่ลงนามอนุญาต ยามรักษาการณ์จึงจะยอมให้ผ่านไปได้ จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ได้เขียนใบผ่านขึ้นละฉะบับมีข้อความซ้ำกัน อนุญาตให้นำน้ำมันดีเซลส่งบริษัทสุพรรณ และได้จ่ายน้ำมันดีเซลไป ๙๐๐๐๐ ลิตร์โดยจำเลยยักยอกเอาเสีย ๔๕๐๐๐ ลิตร์
ฉะเพาะความผิดฐานปลอมหนังสือนั้นศาลทหารกรุงเทพ ฯ ตัดสินใจว่าใบอนุญาตฉะบับที่จำเลยที่ ๑ ออกนั้น จำเลยที่ ๑ มีความผิดฐานปลอมหนังสือตามมาตรา ๒๒๔ ส่วนจำเลยที่ ๒ ไม่มีความผิด
ศาลทหารกลางตัดสินว่าจำเลยที่ ๒ สมคบกับจำเลยที่ ๑ ฐานปลอมหนังสือด้วยจึงให้ลงโทษจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ตามมาตรา ๒๒๔
จำเลยที่ ๒ ฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าจำเลยเป็นเจ้าหน้าที่ออกใบผ่านหรือใบอนุญาตนั้น ฉะนั้นจำเลยจึงไม่ได้ปลอมหนังสือของใคร จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานปลอมหนังสือ แม้จำเลยที่ ๑ ไม่ได้ฎีกา ก็เป็นลักษณคดี จึงพิพากษายกฟ้องโจทก์ปล่อยจำเลยทั้งสองในฐานปลอมหนังสือ