แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สัญญามีข้อความตกลงจะโอนพันธบัตร์ออมทรัพย์ของรัฐบาลซึ่งมีกฏหมายกำหนดให้ไปลงบัญชีโอนที่ธนาคารนั้น เป็นสัญญาที่ใช้ได้ ไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนแต่การโอนพันธบัตร์นั้น จะสมบูรณ์ต่อเมื่อได้ไปลงบัญชีการโอนที่ธนาคารแล้ว.
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ตกลงเลิกไม่ซื้อที่ดินของจำเลยโดยมีข้อสัญญาว่า จำเลยจะต้องโอนพันธบัตร์ออมทรัพย์สองหมื่นบาทให้โจทก์เป็นการตอบแทน จำเลยไม่โอนให้ ขอให้ศาลบังคับ.
จำเลยต่อสู้ข้อเท็จจริงว่า โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา และตัดฟ้องว่า ข้อสัญญาที่มีการโอนพันธบัตร์นั้นขัดต่อความสงบเรียบร้อย ทั้งทำไม่ถูกแบบเป็นโมฆะ
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้โจทก์ชนะคดี
จำเลยฎีกาเป็นปัญหาข้อกฏหมายที่ศาลชั้นต้นสั่งรับขึ้นมาสู่ศาลฎีกามีข้ออ้างว่า พันธบัตร์ออมทรัพย์ในภาวะคับขันนั้นเป็นกฏหมายพิเศษ บัญญัติขึ้นเพื่อประสงค์ต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน จึ่งบังคับไว้โดยฉะเพาะว่า เมื่อบุคคลใดจะโอนกรรมสิทธิ์พันธบัตร์ออมทรัพย์ ต้องไปลงบัญชีการโอนที่ธนาคารแห่งประเทศไทยจึงจะสมบูรณ์ ฉะนั้นจะไปทำสัญญาใดๆ นอกจากบทบัญญัตินี้ สัญญานั้นก็ใช้ไม่ได้ ศาลฎีกาเห็นว่า การที่คู่ความทำสัญญาตกลงการโอนกรรมสิทธิ์พันธบัตร์ออมทรัพย์กันนั้น หาเป็นการฝ่าฝืนต่อพระราชกำหนดกฏหมายหรือเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยฯลฯอย่างใดไม่เป็นสัญญาที่ชอบด้วยกฏหมาย ฟ้องร้องขอให้ศาลบังคับได้ การที่กฏหมายบัญญัติให้ต้องไปลงบัญชีการโอนที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ก็เป็นข้อบัญญัติให้การโอนเป็นผลสมบูรณ์ขึ้นเท่านั้น การที่คู่ความยังไม่ได้ไปลงบัญชีดังกล่าว หาทำให้ข้อตกลงนั้นเป็นโมฆะไปไม่ จึงพิพากษายืนตาม.