คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5789/2533

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ศาลได้มีคำสั่งถึงที่สุดให้ตั้งผู้ร้อง และผู้คัดค้านเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกันจึงเป็นหน้าที่อันสำคัญที่ผู้จัดการมรดกดังกล่าวจะพึงตรวจสอบจัดทำบัญชีทรัพย์มรดกภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ฟังคำสั่งศาลตั้งเป็นผู้จัดการมรดกตาม ป.พ.พ. มาตรา 1728,1729 ฉะนั้น เมื่อปรากฏว่าเหตุที่ไม่ได้จัดทำบัญชีทรัพย์มรดกแสดงต่อศาลภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด เพราะผู้คัดค้านปฏิเสธร่วมทำบัญชีกับผู้ร้อง โดยอ้างว่าต้องแบ่งทรัพย์สินของผู้ตายให้ผู้คัดค้านครึ่งหนึ่งก่อนจึงจะยอมทำบัญชีทรัพย์มรดกดังนี้ จึงเป็นการละเลยไม่กระทำตามหน้าที่ผู้จัดการมรดก มีเหตุสมควรที่ศาลจะถอนผู้คัดค้านจากการเป็นผู้จัดการมรดกได้ตามป.พ.พ. มาตรา 1731.

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากศาลมีคำสั่งตั้งให้ผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดกของนายเสนอจันทร์เล็ก ผู้ตาย ร่วมกับผู้คัดค้านที่ 1
ผู้ขอเพิกถอนทั้งสองยื่นคำร้องว่า ผู้คัดค้านที่ 1 ละเลยไม่ทำการตามหน้าที่เป็นเหตุให้ทายาทได้รับความเสียหาย ขอให้ถอนผู้คัดค้านที่ 1 ออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกและตั้งผู้ขอทั้งสองเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกับผู้ร้องต่อไป
ผู้คัดค้านที่ 1 คัดค้านว่า ผู้คัดค้านที่ 1 อยู่กินร่วมกันฉันสามีภริยากับผู้ตายและจดทะเบียนสมรสกันเมื่อ พ.ศ. 2524ผู้คัดค้านที่ 1 จึงเป็นเจ้าของร่วมในทรัพย์สินของผู้ตายครึ่งหนึ่งต้องแบ่งให้ผู้คัดค้านที่ 1 ครึ่งหนึ่งก่อนแล้วจึงจัดแบ่งเป็นทรัพย์มรดกแก่ทายาท แต่ผู้ร้องไม่เห็นด้วยและไม่ยินยอม ทำให้ไม่สามารถแบ่งปันทรัพย์มรดกแก่ทายาทอื่นได้ ผู้คัดค้านที่ 1 มิได้ละเลยไม่กระทำการตามหน้าที่ผู้จัดการมรดกหรือก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทายาทอื่น
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ถอนผู้คัดค้านที่ 1 จากการเป็นผู้จัดการมรดกของนายเสนอผู้ตาย คำขออื่นให้ยก
ผู้คัดค้านที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องของผู้ขอเพิกถอนทั้งสอง
ผู้ขอเพิกถอนทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ผู้ขอเพิกถอนทั้งสองและผู้คัดค้านที่ 1นำสืบข้อเท็จจริงรับกันฟังได้ว่า ผู้ร้องและผู้คัดค้านที่ 1 ต่างเป็นภริยาและเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายร่วมกันตามคำสั่งศาลต่อมาผู้ร้องได้ขอให้ผู้คัดค้านที่ 1 ร่วมทำบัญชีทรัพย์มรดกเพื่อแสดงต่อศาลตามกฎหมาย ผู้คัดค้านที่ 1 ปฏิเสธอ้างว่าร่วมทำบัญชีทรัพย์มรดกต่อเมื่อโอนทรัพย์ของผู้ตายครึ่งหนึ่งให้แก่ผู้คัดค้านที่1 ก่อน ผู้ขอเพิกถอนทั้งสองจึงยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งถอนผู้คัดค้านที่ 1 จากการเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกับผู้ร้องมีปัญหาต้องวินิจฉัยในชั้นฎีกาว่า มีเหตุจะเพิกถอนผู้คัดค้านที่ 1 ออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกรายนี้หรือไม่ พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ผู้ร้องและผู้คัดค้านที่ 1 ได้รับแต่งตั้งจากศาลให้เป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายร่วมกัน ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โดยได้อ่านคำพิพากษาให้ผู้ร้องและผู้คัดค้านที่ 1 ฟังเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2529 คดีถึงที่สุดแล้วผู้ร้องและผู้คัดค้านที่ 1 จึงต้องเป็นผู้จัดการมรดกร่วมกัน ทรัพย์มรดกของผู้ตายมีอะไรบ้างที่จะตกทอดแก่ทายาทเป็นหน้าที่อันสำคัญที่ผู้จัดการมรดกพึงตรวจสอบจัดทำบัญชีทรัพย์มรดกภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ฟังคำสั่งศาลตั้งเป็นผู้จัดการมรดก ตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1728, 1729 เหตุที่ไม่ได้จัดทำบัญชีทรัพย์มรดกแสดงต่อศาลภายในเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ก็เนื่องจากผู้คัดค้านที่ 1 อ้างว่าระหว่างที่ผู้คัดค้านที่ 1 อยู่กินร่วมกันฉันสามีภริยากับผู้ตายและระหว่างที่ผู้คัดค้านที่ 1 จดทะเบียนสมรสกับผู้ตายมีทรัพย์สินของผู้ตายต้องแบ่งให้ผู้คัดค้านที่ 1ครึ่งหนึ่งก่อน จึงจะยอมทำบัญชีทรัพย์มรดก ผู้คัดค้านที่ 1จึงไม่ได้จัดทำบัญชีทรัพย์มรดกภายในเวลาและตามแบบที่กำหนดไว้ปล่อยให้เวลาล่วงเลยมาเกินกว่า 1 ปี เพราะเหตุผู้คัดค้านที่ 1 ละเลยไม่กระทำการตามหน้าที่ผู้จัดการมรดก ส่วนเหตุที่ผู้คัดค้านที่ 1ยกขึ้นอ้างดังกล่าว ผู้คัดค้านที่ 1 ย่อมจะโต้แย้งคัดค้านไว้ได้มิใช่ให้ผู้ร้องยอมแบ่งทรัพย์สินของผู้ตาย เมื่อผู้คัดค้านที่ 1ไม่ยอมจัดทำบัญชีทรัพย์มรดกตามหน้าที่ จึงมีเหตุสมควรที่ศาลจะถอนผู้คัดค้านที่ 1 จากการเป็นผู้จัดการมรดกของผู้ตายได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1731…”
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.

Share