คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 380/2490

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ประกาศคณะกรรมการฉบับหลังที่ยกเลิกการควบคุม ไม่เป็นกฎหมายยกเลิกความผิดตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(5)
ฟ้องว่าจำเลยมีผ้าแล้วไม่แจ้งปริมาณและสถานที่เก็บ แต่มิได้ระบุว่าจำเลยมีผ้าเท่าไรดังนี้เป็นคำฟ้องที่ขาดสาระสำคัญแห่งความผิดต้องยกฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจซื้อผ้าตามบัญชีท้ายฟ้องอันเป็นผ้าที่ต้องถูกควบคุมตามประกาศของคณะกรรมการ โดยไม่ได้รับอนุญาตและได้ผ้าดังกล่าวแล้วไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้ไปแจ้งปริมาณและสถานที่เก็บภายในกำหนด และต่อมาได้ยักย้ายผ้านั้น ผิดต่อประกาศคณะกรรมการ (ฉบับที่ 2) ซึ่งออกโดยอาศัยอำนาจตามความแห่งพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องอุปโภคบริโภคและของอื่น ๆในภาวะคับขัน พ.ศ. 2488 ขอให้ลงโทษ

จำเลยให้การรับสารภาพตามฟ้อง

โจทก์ขอสืบคำพยานประกอบคำร้อง ศาลอาญาสั่งงดและชี้ขาดคดีในปัญหาข้อกฎหมายว่า ฟ้องโจทก์ขาดข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญคือไม่ได้กล่าวว่าจำเลยมีจำนวนผ้ายาวเท่าใดไม่ จึงไม่เป็นฟ้องที่ควรรับไว้พิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158, 161 กับทั้งปรากฏว่า ได้มีประกาศของคณะกรรมการยกเลิกประกาศเดิมเสียแล้ว เท่ากับมีกฎหมายยกเลิกความผิดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 จึงพิพากษายกฟ้อง

ศาลอุทธรณ์เห็นฟ้องกับศาลชั้นต้นในข้อที่ว่า ประกาศของคณะกรรมการฉบับหลังมีผลเป็นกฎหมาย และยกเลิกความผิดเช่นนั้นเสียแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(5) จึงพิพากษายืน

ศาลฎีกาเห็นว่า 1. ในปัญหาข้อกฎหมายที่ว่า ประกาศของคณะกรรมการฉบับหลังที่ยกเลิกการควบคุม จะเป็นกฎหมายยกเลิกความผิดหรือไม่นั้น เห็นว่าประกาศของคณะกรรมการฯ เป็นเพียงคำสั่งของเจ้าพนักงานเท่านั้น หาใช่กฎหมายไม่ (ดังฎีกาที่ได้ชี้ขาดไว้มากหลาย) 2. ฟ้องของโจทก์ขาดข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญแห่งความผิดหรือไม่ ตามฟ้องและบัญชีท้ายฟ้องไม่ปรากฏถึงความยาวของผ้าว่า จะถึงกำหนดที่จะต้องแจ้งปริมาณหรือไม่จึงเป็นคำฟ้องที่ขาดสาระสำคัญ และแม้โจทก์แถลงแก้ความข้อนี้นั้นศาลฎีกาก็เห็นว่าข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญนั้น จะต้องบรรยายไว้ในคำฟ้อง หาใช่ให้ไปปรากฏในชั้นพิจารณาไม่ พิพากษาให้ยกฟ้อง

Share