คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5894/2539

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

นายกเทศมนตรีเป็นผู้แทนโจทก์ตามพระราชบัญญัติเทศบาลพ.ศ. 2496 มาตรา 39 และตามรายงานการสอบสวนหาตัวผู้รับผิดทางแพ่งก็ระบุชัดถึงผู้ต้องรับผิดชอบทางแพ่งต่อโจทก์จึงฟังได้ว่าโจทก์ได้รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนในวันที่ปรากฏในรายงาน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งเก้าร่วมกันชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 614,134.70 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยที่ 1 ที่ 3 ที่ 4 ที่ 6 ที่ 7 และที่ 8ให้การขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 5 และที่ 9 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 1 ขาดนัดพิจารณา
ก่อนจำเลยที่ 2 ยื่นคำให้การ โจทก์ขอถอนฟ้องจำเลยที่ 2และระหว่างพิจารณาโจทก์ขอถอนฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 4 และที่ 5ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว โจทก์ฎีกาข้อแรกว่าแม้คณะกรรมการสอบสวนหาตัวผู้รับผิดทางแพ่งจะรายงานให้นายสุนันท์ในฐานะนายกเทศมนตรีทราบเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2532 แต่โจทก์จะฟ้องพวกจำเลยไม่ได้เพราะต้องรายงานให้ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจารณาและเห็นชอบเสียก่อน ปรากฏตามระเบียบสำนักงาน จ.ส.ท.เอกสารหมาย จ.27 ทั้งรายงานการสอบสวนหาตัวผู้รับผิดทางแพ่งเอกสารหมาย จ.18 มิได้ระบุว่าบุคคลที่จะต้องรับผิดดังกล่าวจะต้องรับผิดจำนวนเท่าใดจะถือว่านายกเทศมนตรีรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้ละเมิดในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2532 ไม่ได้การที่ผู้ว่าราชการจังหวัดให้ความเห็นชอบต่อรายงานของคณะกรรมการสอบสวนหาตัวผู้รับผิดทางแพ่งเมื่อวันที่ 3 กันยายน2533 จึงถือว่านายกเทศมนตรีรู้ตัวผู้ละเมิดและรู้ถึงการละเมิดตั้งแต่วันดังกล่าว โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2534จึงไม่ขาดอายุความ ปรากฏว่าคณะกรรมการสอบสวนหาตัวผู้รับผิดทางแพ่งได้ทำการสอบสวนแล้วมีความเห็นว่า นางเสริมศรี จำเลยที่ 5จำเลยที่ 4 นายดิเรก จั่นจีน จำเลยที่ 8 จำเลยที่ 6 จำเลยที่ 3และจำเลยที่ 2 ต้องร่วมรับผิดทางแพ่ง และนายสุนันท์ สีหลักษณ์ได้พิจารณาแล้วเห็นชอบและให้รายงานจังหวัดด่วนในวันที่ 10พฤศจิกายน 2532 ปรากฏตามเอกสารหมาย จ.18 เห็นว่า ตามรายงานการสอบสวนหาตัวผู้รับผิดทางแพ่งดังกล่าวระบุชัดว่า ผู้ใดเป็นผู้ต้องรับผิดชอบทางแพ่งต่อโจทก์และนายสุนันท์เป็นนายกเทศมนตรี จึงเป็นผู้แทนโจทก์ ตามพระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496มาตรา 39 ฉะนั้นข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่าโจทก์ได้รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนในวันที่ 10 พฤศจิกายน2532 โจทก์ฟ้องคดีนี้ในวันที่ 31 พฤษภาคม 2534 จึงขาดอายุความตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยฎีกาโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share