แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
คดีสามสำนวนค้างพิจารณาอยู่ในศาลชั้นต้นเดียวกันโจทก์และจำเลยทั้งสามสำนวนเป็นคู่ความรายเดียวกันพยานโจทก์และพยานจำเลยทั้งสามสำนวนส่วนใหญ่เป็นพยานชุดเดียวกัน จะเป็นการสะดวกหากพิจารณารวมกัน จำเลยยื่นคำร้องขอให้รวมพิจารณาพิพากษาคดีทั้งสามสำนวนเข้าด้วยกันหลังจากคดีสำนวนแรกสืบพยานโจทก์เสร็จแล้วและสืบพยานจำเลยไปบ้างแล้ว ส่วนคดีอีกสองสำนวนเพียงแต่สืบพยานโจทก์เสร็จซึ่งเป็นเวลา ก่อนที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาทั้งสามสำนวน โจทก์มีโอกาสสืบ พยานโจทก์ทั้งสามสำนวนและซักค้านพยานจำเลยได้เต็มที่ในสำนวนแรก แม้จำเลยจะงดสืบพยานจำเลยอีกสองสำนวนก็มิได้ทำให้โจทก์เสียเปรียบในเชิงคดี การที่ศาลชั้นต้นสั่งให้พิจารณาพิพากษาคดีทั้งสามสำนวนเข้าด้วยกันจึงเป็นการชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 28
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นสามสำนวนว่า จำเลยออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค ขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วมีคำสั่งประทับฟ้องทั้งสามสำนวนจำเลยให้การปฏิเสธทั้งสามสำนวน ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องทั้งสามสำนวน โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ทั้งสามสำนวนฎีกาโดยผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาเห็นว่า ข้อความที่ตัดสินเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุดและอนุญาตให้ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่โจทก์ฎีกาว่า การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรวมพิจารณาพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ 10173/2527 คดีหมายเลขดำที่ 11899/2527 และคดีหมายเลขดำที่ 13881/2527 เข้าด้วยกันเป็นการไม่ชอบ เพราะเห็นได้ชัดว่าจำเลยเอาเปรียบในการดำเนินกระบวนพิจารณานั้น พิเคราะห์แล้วเห็นว่า คดีทั้งสามสำนวนค้างพิจารณาอยู่ในศาลชั้นต้นเดียวกัน โจทก์และจำเลยทั้งสามสำนวนเป็นคู่ความเดียวกันพยานโจทก์ และพยานจำเลยทั้งสามสำนวนใหญ่ก็เป็นพยานชุดเดียวกันจะเป็นการสะดวกหากพิจารณารวมกันทั้งจำเลยได้ยื่นคำร้องขอให้รวมพิจารณาพิพากษาคดีทั้งสามสำนวนเข้าด้วยกันภายหลังจากคดีสำนวนแรกได้ทำการสืบพยานโจทก์เสร็จ และสืบพยานจำเลยไปบ้างแล้ว ส่วนคดีอีกสองสำนวนเพียงแต่สืบพยานโจทก์เสร็จซึ่งเป็นเวลาก่อนที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาทั้งสามสำนวน และโจทก์เองก็มีโอกาสสืบพยานโจทก์ทั้งสามสำนวน และซักค้านพยานจำเลยได้เต็มที่ในสำนวนแรกแล้ว แม้จำเลยจะงดสืบพยานจำเลยอีกสองสำนวนก็มิได้ทำให้โจทก์เสียเปรียบในเชิงคดีแต่ประการใดดังนั้น การที่ศาลชั้นต้นสั่งให้พิจารณาพิพากษาคดีทั้งสามสำนวนเข้าด้วยกัน จึงเป็นการชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 15 และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 28 แล้วฎีกาข้อนี้ของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน