คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 589/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีล้มละลายด้วยมูลหนี้สัญญากู้ เมื่อศาลยกฟ้องแล้วโจทก์นำสัญญากู้นั้นมาฟ้องเรียกเงินกู้จากจำเลยอีกดังนี้ ไม่เป็นการฟ้องซ้ำ
จำเลยรับว่าได้ทำสัญญากู้ไว้ให้โจทก์จริงและในสัญญามีข้อความว่าได้รับเงินกู้ไปแล้ว การที่จะให้จำเลยนำสืบว่าความจริงจำเลยไม่ได้กู้เงินโจทก์ แต่ได้ทำสัญญากู้ไว้เพื่อเป็นประกัน ป.ลูกหนี้ของโจทก์ ดังนี้ เป็นการสืบเปลี่ยนแปลงเอกสารต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกู้ยืมเงินโจทก์ไปดังสำเนาหนังสือสัญญาท้ายฟ้องและได้รับเงินไปแล้ว ครบกำหนดชำระแล้วจำเลยไม่ชำระให้ ขอให้บังคับให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยกู้ยืมและรับเงินไปจากโจทก์ตามสำเนาหนังสือสัญญาท้ายฟ้อง โจทก์ขายที่ดินแก่นางสาวประนอม ศิริพลนางสาวประนอมออกเช็คจ่ายเงินค่าที่ดินให้โจทก์บางส่วน แต่เช็คนั้นถูกปฏิเสธการชำระเงิน โจทก์จะดำเนินคดี แต่ในที่สุดโจทก์กับนางสาวประนอมได้ผ่อนผันแก่กัน โดยนางสาวประนอมขอผัดชำระและขอร้องให้จำเลยทำหนังสือกู้ให้ไว้เป็นประกันตามสำเนาท้ายฟ้อง โจทก์จำเลยจึงไม่มีหนี้สินต่อกันจำเลยไม่มีหน้าที่ต้องชำระหนี้ตามฟ้อง และโจทก์เคยฟ้องจำเลยให้เป็นบุคคลล้มละลายด้วยมูลหนี้อันเดียวกัน ศาลพิพากษายกฟ้อง คดีถึงที่สุดแล้วโจทก์จึงไม่มีสิทธินำคดีมาฟ้องอีก
ศาลชั้นต้นสอบโจทก์จำเลยทั้ง ๒ ฝ่ายรับกันว่า หนี้ตามสัญญากู้รายนี้โจทก์เคยฟ้องจำเลยเป็นคดีล้มละลายจริง ศาลพิพากษายกฟ้อง และจำเลยแถลงรับว่าได้ทำสัญญากู้ตามสำเนาท้ายฟ้องให้โจทก์จริง แต่เพื่อเป็นประกันหนี้ระหว่างโจทก์กับนางสาวประนอม ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยแล้ววินิจฉัยว่า ที่จำเลยต่อสู้ว่าทำสัญญากู้ให้โจทก์เพื่อเป็นประกันโดยไม่มีหนี้สินต่อกัน เป็นการต่อสู้เพื่อนำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสารสัญญากู้ซึ่งมีข้อความชัดอยู่แล้ว ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๙๔ จึงฟังได้ว่าจำเลยกู้เงินโจทก์จริงดังฟ้อง ส่วนเรื่องฟ้องซ้ำนั้น เห็นว่าเหตุที่ศาลพิพากษายกฟ้องในคดีก่อนเป็นคนละประเด็นกับคดีนี้ ฟ้องโจทก์จึงไม่ต้องห้าม พิพากษาให้จำเลยชำระหนี้ให้โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยมีสิทธินำสืบหักล้างตามข้อต่อสู้ได้ว่าหนี้ดังกล่าวในฟ้องไม่สมบูรณ์ เพราะไม่ใช่เจตนาอันแท้จริงของจำเลย ไม่เป็นการนำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสาร พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่
โจทก์ฎีกา (จำเลยแก้ฎีกาโดยอ้างเรื่องฟ้องซ้ำมาด้วย)
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้โจทก์จำเลยในคดีนี้จะเป็นคน ๆ เดียวกันกับคดีที่โจทก์ฟ้องจำเลยให้เป็นบุคคลล้มละลาย แต่คดีดังกล่าวศาลพิพากษายกฟ้องโดยเหตุที่โจทก์นำสืบฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวแต่คดีนี้ศาลจะต้องวินิจฉัยชี้ขาดข้อแพ้ชนะในเหตุที่ว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์ตามหนังสือสัญญากู้ยืมที่โจทก์ฟ้องนี้หรือไม่ จึงมิใช่เป็นการวินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกับที่วินิจฉัยในคดีก่อน โจทก์ฟ้องคดีนี้จึงไม่เป็นการฟ้องซ้ำ
ส่วนปัญหาที่ว่าจำเลยจะนำสืบพยานบุคคลตามข้อต่อสู้ของจำเลยได้หรือไม่นั้น เห็นว่าจำเลยให้การรับว่าได้ทำหนังสือสัญญากู้ที่โจทก์ฟ้องจริงและในสัญญามีข้อความว่าได้รับเงินไปแล้ว แต่วันทำสัญญา จะขอสืบว่าความจริงจำเลยได้ทำหนังสือสัญญากู้นี้ไว้เป็นประกันในการที่นางสาวประนอมได้ออกเช็คซึ่งธนาคารปฏิเสธการใช้เงินหาได้ไม่ เพราะเป็นที่เห็นได้ว่าจำเลยยอมตนเข้าผูกพันเป็นลูกหนี้โจทก์เพื่อประโยชน์แก่นางสาวประนอม การที่จะให้จำเลยนำสืบเป็นการสืบเปลี่ยนแปลงเอกสารท้ายฟ้องต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๙๔ ซึ่งห้ามมิให้นำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในเอกสาร
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share