แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำบรรยายคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนที่เคลือบคลุมและไม่เคลือบคลุม
ตามกฎกระทรวงออกตามความในพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนพ.ศ. 2511 ข้อ 15 ระบุไว้เพียงว่า ให้เอากระดาษปิดทับช่องใส่บัตรเลือกตั้ง โดยมีลายมือชื่อคณะกรรมการตรวจคะแนนกำกับไว้บนกระดาษนั้นด้วยมีได้ระบุว่าต้องปิดกระดาษรอบหีบบัตรเลือกตั้งระหว่างฝาหีบกับตัวหีบจดกันดังนั้น แม้จะไม่มีการปิดกระดาษรอบหีบบัตรเลือกตั้ง ก็ไม่ใช่เหตุที่จะอ้างเป็นข้อคัดค้านการเลือกตั้ง
ผู้ร้องคัดค้านการเลือกตั้งระบุในคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนและมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตจังหวัดซึ่งมีการเลือกตั้งเมื่อมีผู้คัดค้านว่า ผู้ร้องไม่มีสิทธิยื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งก็เป็นข้อเท็จจริงที่ผู้ร้องและผู้คัดค้านจะต้องนำสืบ
ย่อยาว
คดีทั้ง 5 สำนวนนี้ศาลสั่งพิจารณารวมกัน
ผู้ร้องทั้งห้ายื่นคำร้องว่า เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2512 มีการเลือกตั้งผู้แทนราษฎรทั่วประเทศ สำหรับจังหวัดศรีสะเกษมีผู้สมัครรับเลือกตั้ง 32 คน ผู้ร้องสำนวนที่ 1 ถึง 4 เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง ผู้ร้องสำนวนที่ 5 เป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งทางการประกาศผล มีผู้ได้รับเลือกตั้ง 5 คน การเลือกตั้งได้มีการกระทำที่มิชอบด้วยกฎหมายหลายประการ ทั้งด้านเจ้าหน้าที่ผู้ดำเนินการเลือกตั้ง กรรมการหน่วยเลือกตั้งทุกหน่วย ตลอดจนทางด้านผู้สมัครรับเลือกตั้ง กล่าวคือ
(1) เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง เช่น นายอำเภอบางอำเภอใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย คุกคามขู่เข็ญประชาชนมิให้เลือกตั้งผู้ร้อง ให้เลือกตั้งเฉพาะผู้สมัครบางคน
(2) กรรมการตรวจคะแนนไม่ให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ร้อง โดยนับคะแนนเลขดีของผู้ร้องให้เป็นเลขเสีย เช่น บัตรที่มีเลขไทยแต่อย่างเดียวของผู้ร้อง กรรมการนับให้เป็นบัตรเสียแต่ของผู้สมัครหมายเลขอื่นเป็นเลขคี่
(3) คะแนนที่ทางราชการประกาศกับคะแนนตามบัญชีในแบบ ผท.18ชุดที่อยู่ในหีบบัตรเลือกตั้งไม่ตรงกัน เพราะมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงขึ้นภายหลังการนับคะแนนไม่ตรงต่อความจริง จึงทำให้ผลการรวมคะแนนของผู้ร้องผิดพลาด
(4) การรวมคะแนนของผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษที่ศาลากลางจังหวัดล่าช้าโดยไม่มีเหตุสมควร มีการตัดทอนคะแนนของผู้สมัครต่าง ๆตลอดจนการรวมคะแนนสับสน ได้ผลที่ไม่ตรงต่อความจริง
(5) ผู้ได้รับเลือกตั้งบางคนใช้บัตรเลือกตั้งปลอม โดยนำมาจากโรงพิมพ์ของทางราชการ บัตรที่ปรากฏอยู่ในหีบเลือกตั้งจึงมิใช่บัตรโดยชอบด้วยกฎหมาย
(6) ผู้ได้รับเลือกตั้งบางคนใช้วิธีหรือรับว่าจะให้ทรัพย์หรือผลประโยชน์อื่น ๆ จูงใจให้ผู้เลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ตนเองอันเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย
(7) ผู้ดำเนินการเลือกตั้งประจำหน่วยเลือกตั้งบางหน่วย บางอำเภอ ยินยอมให้ผู้ซึ่งไม่มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนน ซึ่งเจ้าตัวไม่อยู่ ไปประกอบอาชีพต่างจังหวัด ก็ยังยินยอมให้บุคคลอื่นลงแทนและยินยอมให้มีการลงคะแนนหมุนเวียนซ้ำโดยบุคคลคนเดียวกัน เพื่อประโยชน์ของผู้สมัครบางคน แบบ ผท.5 ก็ทำขึ้นใหม่ ทำให้รายชื่อผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งไม่ตรงกับความจริง
(8) หีบเลือกตั้งของอำเภอขุนหาญทุกหน่วยเลือกตั้งไม่มีกระดาษปิดรอบหีบบัตร ระหว่างฝาหีบบัตรกับหีบบัตรจดกัน ซึ่งเป็นเหตุหนึ่งที่ผู้ทุจริตจะนำบัตรปลอมหรือบัตรดียัดใส่ข้างหีบเพิ่มเติมได้ เป็นการฝ่าฝืนคำสั่งกระทรวงมหาดไทย
ขอให้ไต่สวนและมีคำสั่งว่า การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนจังหวัดศรีสะเกษเป็นไปโดยมิชอบ และให้มีการเลือกตั้งใหม่
ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษและผู้ได้รับเลือกตั้ง 4 คน ยื่นคำคัดค้านว่าการเลือกตั้งได้กระทำโดยชอบ คำร้องของผู้ร้องเคลือบคลุม และนายสุจินต์เชาว์วิศิษฐ์ ผู้ได้รับเลือกตั้งคนหนึ่งคัดค้านด้วยว่า นายเกื้อ อุทัย ผู้ร้องไม่มีสิทธิยื่นคำร้องคัดค้านตามมาตรา 62 แห่งพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทน
ศาลชั้นต้นเห็นว่า คำร้องนอกจากข้อ (3) เคลือบคลุม ตามคำร้องข้อ (3) ได้ตรวจสอบคะแนนในแบบ ผท. 17, 18, 19 กับคะแนนในแบบผท.20 แล้ว เห็นว่า คดีพอวินิจฉัยได้ โดยไม่ต้องสืบพยาน แล้วทำความเห็นส่งมาศาลฎีกาว่า ควรยกคำร้อง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า
คำร้องข้อ 1 ผู้ร้องมิได้ระบุว่า นายอำเภอคนใดใช้อำนาจคุกคามขู่เข็ญผู้ใดในหน่วยเลือกตั้งใด มิให้เลือกตั้งผู้ร้องและให้เลือกตั้งผู้สมัครคนใด คำร้องข้อนี้จึงเคลือบคลุม
คำร้องข้อ 2 ในตอนแรกของคำร้องได้อ้างอยู่แล้วว่า การเลือกตั้งได้มีการกระทำที่มิชอบด้วยกฎหมายหลายประการ ทั้งด้านเจ้าหน้าที่ผู้ดำเนินการเลือกตั้ง กรรมการหน่วยเลือกตั้งทุกหน่วย ตลอดจนด้านผู้สมัครรับเลือกตั้งและได้บรรยายการกระทำที่มิชอบประการหนึ่งไว้ในคำร้องข้อ 2 โดยมีคำขอให้มีการเลือกตั้งใหม่ การกระทำโดยมิชอบก็คือ กรรมการตรวจคะแนนไม่ให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ร้องโดยนับคะแนนเลขดีของผู้ร้องให้เป็นเลขเสีย แต่ของผู้สมัครหมายเลขอื่นเป็นเลขดี ศาลฎีกาเห็นว่า ผู้ร้องกล่าวอ้างว่าได้มีการกระทำดังนี้ทุกหน่วยเลือกตั้ง จึงเป็นการยากที่จะให้ผู้ร้องยืนยันในคำร้องว่าบัตรดังกล่าวมีจำนวนเท่าใด จะรู้จำนวนได้ชัดแจ้งแน่นอนก็ต่อเมื่อได้มีการตรวจบัตรในหีบบัตรเลือกตั้ง คำร้องข้อนี้จึงถือได้ว่าไม่เคลือบคลุม
เมื่อปรากฏจากผลการตรวจบัตรเลือกตั้งสำหรับคะแนนของผู้ได้รับทุกคนและของผู้ร้องทุกคนในหีบบัตรเลือกตั้งทุกหน่วยเลือกตั้งที่ศาลชั้นต้นตรวจนับตามคำสั่งศาลฎีกา และผู้ร้องและผู้คัดค้านรับรองถูกต้องแล้ว คะแนนของผู้ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนทั้ง 5 คนก็ยังมีคะแนนสูงกว่าคะแนนของผู้ร้อง ฉะนั้น ในเหตุตามคำร้องของผู้ร้องข้อ 2 จึงยังไม่มีเหตุอันสมควรที่จะให้มีการเลือกตั้งใหม่
คำร้องข้อ 3 ผู้ร้องมิได้ระบุว่า คะแนนที่ทางราชการประกาศกับคะแนนตามบัญชีในแบบ ผท. ชุดที่อยู่ในหีบบัตรเลือกตั้งไม่ตรงกันเพราะมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงขึ้นภายหลังนั้น มีหน่วยใดบ้างที่ไม่ตรงกัน ส่วนข้อความว่า มีการนับคะแนนไม่ตรงต่อความจริง จึงทำให้ผลการรวมคะแนนของผู้ร้องผิดพลาด ก็ไม่ได้บรรยายว่าเป็นผลการรวมคะแนนของหน่วยเลือกตั้งหน่วยใดที่ว่าผิดพลาดก็อาจผิดพลาดในทางที่ทำให้คะแนนของผู้ร้องมากขึ้นหรือน้อยลงก็ได้ คำร้องข้อนี้จึงเคลือบคลุม
คำร้องข้อ 4 ผู้ร้องมิได้บรรยายว่า มีการตัดทอนคะแนนของผู้สมัครคนใด การรวมคะแนนสับสนอย่างใด ผิดถูกเป็นจำนวนเท่าใด ทำให้คะแนนของผู้สมัครคนใดได้คะแนนมากขึ้นหรือน้อยลงอย่างใดคำร้องข้อนี้จึงเคลือบคลุม
คำร้องข้อ 5 ผู้ร้องมิได้บรรยายให้เข้าใจได้ว่ามีการใช้บัตรปลอมในหน่วยใดบ้างและผู้ได้รับเลือกตั้งคนใดเป็นผู้ใช้คำร้องข้อนี้จึงเคลือบคลุม
คำร้องข้อ 6 ผู้ร้องมิได้ยืนยันว่า ผู้ได้รับเลือกตั้งคนใดรับว่าจะให้ทรัพย์หรือผลประโยชน์แก่ผู้ใดเพื่อจูงใจให้ลงคะแนนคำร้องข้อนี้จึงเคลือบคลุม
คำร้องข้อ 7 ผู้ร้องมิได้ยืนยันว่า ผู้ดำเนินการเลือกตั้งหน่วยใดอำเภอใดได้ปฏิบัติไปดังผู้ร้องบรรยายในคำร้อง การที่ผู้ร้องระบุเพียงว่า เป็นการปฏิบัติของผู้ดำเนินการเลือกตั้งบางหน่วย บางอำเภอ จึงไม่ชัดแจ้งเพียงพอที่จะให้เข้าใจได้ว่าเป็นหน่วยไหนอำเภอใด คำร้องข้อนี้จึงเคลือบคลุม
คำร้องข้อ 8 กฎกระทรวงข้อ 15 ออกตามความในพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทน พ.ศ. 2511 ระบุข้อความไว้เพียงว่าให้เอากระดาษปิดทับช่องใส่บัตรเลือกตั้งโดยมีลายมือชื่อคณะกรรมการตรวจคะแนนกำกับไว้บนกระดาษนั้นด้วยเท่านั้น มิได้ระบุว่าต้องปิดกระดาษรอบหีบระหว่างฝาหีบกับตัวหีบจดกัน คำร้องข้อนี้แม้จะเป็นความจริง ก็หาใช่เหตุที่จะอ้างเป็นข้อคัดค้านการเลือกตั้งไม่
สำหรับนายเกื้อ อุชัย ผู้ร้องได้ระบุในคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทน และมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตจังหวัดศรีสะเกษ จะเป็นความจริงตามคำร้องหรือไม่นั้นเป็นเรื่องที่ผู้ร้องและผู้คัดค้านจะนำสืบ และเมื่อปรากฏต่อมาในชั้นที่ศาลชั้นต้นทำการพิจารณาข้อนี้ ตามคำสั่งศาลฎีกาว่านายสุจินต์ผู้คัดค้านแถลงรับ และนายเกื้อผู้ร้องส่งหลักฐานการมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตจังหวัดศรีสะเกษ จึงฟังได้ว่า นายเกื้อ อุชัย มีสิทธิยื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้ง
ศาลฎีกาจึงมีคำสั่งให้ยกคำร้องของผู้ร้องทุกสำนวน ให้ผู้ร้องแต่ละสำนวนเสียค่าฤชาธรรมเนียม โดยกำหนดค่าทนายความ 150 บาทแทนผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษและผู้ถูกคัดค้านแต่ละสำนวน