คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5883/2552

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ส. ซึ่งเป็นลูกวงแชร์ประมูลแชร์ได้ จำเลยซึ่งเป็นนายวงแชร์ได้รับเช็คตามฟ้องจากลูกวงแชร์ที่ยังประมูลไม่ได้เพื่อนำไปมอบให้แก่ ส. แต่จำเลยมิได้นำไปมอบให้ ส. กลับนำเช็คดังกล่าวไปเรียกเก็บเงินในบัญชีของตนเองและถอนเงินไป ดังนี้ จำเลยในฐานะนายวงแชร์มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามข้อตกลงการเล่นแชร์ว่า เมื่อจำเลยได้เช็คจากลูกวงแชร์แล้วจะต้องนำเช็คไปมอบให้ ส. ซึ่งประมูลแชร์ได้ การที่จำเลยรับเช็คตามฟ้องจึงเป็นการรับไว้แทน ส. เมื่อจำเลยนำเช็คไปเรียกเก็บเงินและถอนเงินออกจากบัญชี จึงเป็นการครอบครองเงินของ ส.แล้วเบียดบังเอาเงินนั้นไป ส. จึงเป็นผู้เสียหายในความผิดฐานยักยอกเงินตามเช็ค

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91,188,352 พระราชบัญญัติการเล่นแชร์ พ.ศ.2534 มาตรา 6, 17 ให้จำเลยคืนเงินจำนวน 511,200 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติการเล่นแชร์ พ.ศ. 2534 มาตรา 6 (3), 17 วางโทษจำคุก 6 เดือน คำให้การชั้นจับกุม ชั้นสอบสวน และคำเบิกความของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษให้หนึ่งในสามคงจำคุก 4 เดือน ข้อหาอื่นและคำขออื่นให้ยก
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานเอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่น และฐานยักยอกทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188,352 วรรคแรก อีกสถานหนึ่ง แต่ความผิดทั้งสองฐานนี้มีเจตนาเดียวกัน เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 188 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 วางโทษจำคุก 1 ปี เมื่อรวมกับโทษฐานเป็นนายวงแชร์หรือจัดให้มีการเล่นแชร์ตามที่ศาลชั้นต้นกำหนดแล้ว เป็นวางโทษจำคุกรวม 1 ปี 6 เดือน ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสาม คงจำคุก 1 ปี ให้จำเลยคืนเงินจำนวน 511,200 บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยได้กระทำความผิดฐานเอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่นและยักยอกทรัพย์ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์หรือไม่ โจทก์มีผู้เสียหาย นายวิเชียร นายองอาจ นายนิพนธ์ และนายสุชาติ ซึ่งเป็นลูกวงแชร์เป็นพยานเบิกความตรงกันว่า วิธีการประมูลและการชำระเงินค่าแชร์นั้น ผู้ที่ประมูลแชร์ได้คือผู้ที่ให้ดอกเบี้ยสูงสุด สมาชิกที่ประมูลแชร์ไม่ได้จะต้องสั่งจ่ายเช็ค 100,000 บาท หักด้วยเงินค่าดอกเบี้ยที่ผู้ประมูลแชร์ได้ในงวดนั้น แล้วนำเช็คดังกล่าวส่งมอบให้แก่จำเลยผู้เป็นนายวงแชร์ จำเลยมีหน้าที่นำเช็คทั้งหมดไปมอบให้แก่ผู้ประมูลแชร์ได้ ในข้อนี้จำเลยไม่ได้นำสืบปฏิเสธถึงวิธีการประมูลและและชำระเงินค่าแชร์ พยานหลักฐานของโจทก์จึงมีน้ำหนักให้รับฟัง ดังนั้น ข้อที่จำเลยฎีกาว่า การเล่นแชร์ดังกล่าวจำเลยได้รับมอบหมายให้เป็นผู้เก็บเงินสด แต่บางรายออกเป็นเช็ค จำเลยมีหน้าที่เรียกเก็บเป็นเงินสดเสียก่อน จึงนำเงินไปมอบให้แต่ละคน การที่จำเลยนำเช็คไปเรียกเก็บเงินจึงไม่เป็นความผิดนั้น จึงเป็นฎีกาข้อเท็จจริงที่ไม่ปรากฏในทางนำสืบของจำเลย ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่า จำเลยซึ่งเป็นนายวงแชร์มีหน้าที่นำเช็คทั้งหกฉบับจากลูกวงแชร์ที่ยังประมูลแชร์ไม่ได้ไปมอบให้ผู้เสียหาย การที่จำเลยเอาเช็คตามฟ้องทั้งหกฉบับที่ลูกวงแชร์สั่งจ่ายให้ผู้เสียหายไปเรียกเก็บเงินในบัญชีของตนเอง ก็เพื่อประโยชน์ของจำเลย โดยที่จำเลยไม่มีสิทธิ การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานเอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188 ส่วนข้อที่จำเลยฎีกาว่านายสมชาย มิใช่ผู้เสียหายในความผิดฐานยักยอกนั้น ข้อเท็จจริงฟังยุติว่า เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2540 นายสมชายซึ่งเป็นลูกวงแชร์ ประมูลแชร์ได้ในงวดที่ 5 จำเลยได้รับเช็คตามฟ้องจากลูกวงแชร์ที่ยังประมูลไม่ได้เพื่อนำไปมอบให้แก่นายสมชาย แต่จำเลยมิได้นำไปมอบให้นายสมชาย กลับนำเช็คดังกล่าวไปเรียกเก็บเงินในบัญชีของตนเอง และถอนเงินไป เห็นว่า จำเลยในฐานะนายวงแชร์มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามข้อตกลงการเล่นแชร์ว่า เมื่อจำเลยได้เช็คจากลูกวงแชร์แล้วจะต้องนำเช็คไปมอบให้นายสมชายซึ่งประมูลแชร์ได้ ดังนั้น การที่จำเลยรับเช็คตามฟ้องจึงเป็นการรับไว้แทนนายสมชาย เมื่อจำเลยนำเช็คไปเรียกเก็บเงินและถอนเงินออกจากบัญชี จึงเป็นการครอบครองเงินของนายสมชายแล้วเบียดบังเอาเงินนั้นไป นายสมชายจึงเป็นผู้เสียหายในความผิดฐานยักยอกเงินตามเช็ค…
พิพากษาแก้เป็นว่า ความผิดตามพระราชบัญญัติการเล่นแชร์ พ.ศ.2534 มาตรา 6 (3), 17 ปรับ 15,000 บาท ฐานเอาไปเสียซึ่งเอกสารของผู้อื่น ปรับ 6,000 บาท รวมปรับ 21,000 บาท อีกสถานหนึ่ง ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว คงปรับ 14,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี และคุมความประพฤติโดยให้จำเลยไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติทุก 3 เดือนตลอดระยะเวลาที่รอการลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ให้จำเลยคืนเงิน 170,400 บาท แก่ผู้เสียหาย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

Share