คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5881/2541

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

หลังจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้เงินกู้พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ ผู้ร้องได้จดทะเบียนรับจำนองที่ดินพิพาทพร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นประกันเงินที่จำเลยกู้ไปจาก ผู้ร้อง โดยก่อนที่ผู้ร้องจะมีการรับจำนองที่ดินพิพาท พร้อมสิ่งปลูกสร้างจำเลยแจ้งผู้ร้องให้ทราบเรื่องที่จำเลยถูกโจทก์ ฟ้องเรียกเงินกู้ และศาลมีคำสั่งบังคับคดีแล้ว เมื่อการจำนอง ระหว่างจำเลยกับผู้ร้องได้ร่วมกันกระทำขึ้นทั้งที่รู้อยู่ว่า จะเป็นทางให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลย เสียเปรียบตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237 ผู้ร้อง จึงไม่อาจที่จะขอรับชำระหนี้ก่อนโจทก์ได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจาก เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2539ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้เงินกู้จำนวน 84,000 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยและค่าฤชาธรรมเนียมแก่โจทก์ ต่อมาจำเลยไม่ชำระเงินตามคำพิพากษาดังกล่าว โจทก์ขอให้บังคับคดีเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3 ก.) เลขที่ 1701 พร้อมสิ่งปลูกสร้าง เพื่อขายทอดตลาดชำระหนี้แก่โจทก์
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2539ผู้ร้องได้รับจำนองที่ดินพิพาทพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวไว้จากจำเลยเป็นเงิน 100,000 บาท ดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปีผู้ร้องขอรับชำระหนี้จำนองจากการขายทอดตลาดก่อนเจ้าหนี้อื่นหากโจทก์ถอนหรือสละสิทธิในการบังคับคดี ให้ผู้ร้องสวมสิทธิในการบังคับคดีต่อไป
โจทก์ยื่นคำร้องคัดค้านว่า ผู้ร้องรับจำนองที่ดินพิพาทพร้อมสิ่งปลูกสร้างไว้โดยรู้อยู่ว่าจำเลยถูกโจทก์ฟ้องคดีเงินกู้ และศาลมีคำพิพากษาแล้ว เป็นการรับจำนองโดยไม่ชอบทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาในศาลชั้นต้นได้รับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีได้ความตามทางนำสืบของผู้ร้องกับโจทก์ว่า เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2539 ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้เงินกู้พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ต่อมาวันที่ 7พฤษภาคม 2539 ผู้ร้องจดทะเบียนรับจำนองที่ดินพิพาทพร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นประกันเงินที่จำเลยกู้ไปจากรับจำนองที่ดินพิพาทพร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นประกันเงินที่จำเลยกู้ไปจากที่ดินพิพาทพร้อมสิ่งปลูกสร้างเป็นประกันเงินที่จำเลยกู้ไปจากผู้ร้อง ครั้นวันที่ 30 พฤษภาคม 2539 ศาลชั้นต้นออกคำบังคับยึดที่ดินพิพาทพร้อมสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวของจำเลย
มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้ร้องว่า ผู้ร้องมีสิทธิได้รับชำระหนี้จำนองก่อนโจทก์หรือไม่ เห็นว่า ได้ความตามคำเบิกความของนายรุ่ง ปิ่นกระจ่าง บุตรเขยของจำเลยว่าก่อนที่จะมีการรับจำนอง พยานพร้อมจำเลยไปบ้านผู้ร้อง จำเลยแจ้งผู้ร้องให้ทราบเรื่องที่ถูกโจทก์ฟ้องเรียกเงินกู้ และศาลมีคำสั่งบังคับคดีแล้ว แต่ก็ยังมีการทำสัญญาจำนองระหว่างผู้ร้องกับจำเลย พฤติการณ์แห่งคดีแสดงว่าการจำนองระหว่างจำเลยกับผู้ร้องได้ร่วมกันกระทำขึ้นทั้งที่รู้อยู่ว่าจะเป็นทางให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาของจำเลยเสียเปรียบตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 237 ผู้ร้องจึงไม่อาจที่จะขอรับชำระหนี้ก่อนโจทก์ได้
พิพากษายืน

Share