คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 588/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยร่วมกันสั่งซื้อและเป็นหนี้ค่าน้ำมันโจทก์ การที่จำเลยคนหนึ่งนำเช็คที่จำเลยอื่นสั่งจ่ายผ่อนชำระหนี้แทนจำเลยอื่นด้วยชำระให้โจทก์นั้น ถือได้ว่าเป็นการกระทำอันปราศจากเคลือบคลุมสงสัยตระหนักเป็นปริยายว่ายอมรับสภาพตามสิทธิเรียกร้องของโจทก์จึงเป็นการรับสภาพหนี้ เป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๗๒ ย่อมมีผลผูกพันจำเลยอื่นด้วย
เมื่ออายุความสะดุดหยุดลงแล้ว จึงเริ่มนับอายุความใหม่ตั้งแต่วันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๒๕ ซึ่งเป็นวันที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องตามเช็คเป็นต้นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๑๘๑ วรรคสอง ดังนั้นอายุความสองปี ครบในวันที่ ๑๓พฤศจิกายน ๒๕๒๖ โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๒๖คดีจึงไม่ขาดอายุความ
กรณีที่จำเลยยกอายุความขึ้นต่อสู้ ศาลย่อมมีอำนาจวินิจฉัยได้ว่าจำเลยรับสภาพหนี้เป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลง และคดีของโจทก์ไม่ขาดอายุความ หาเป็นการนอกฟ้องนอกประเด็นไม่.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งห้าซื้อน้ำมันหล่อลื่นจากโจทก์แล้วไม่ยอมชำระค่าน้ำมัน ขอให้บังคับจำเลยทั้งห้าร่วมกันชำระเงิน๒๒๙,๖๓๒.๐๑ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยให้โจทก์
จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ให้การว่า จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ไม่ได้ร่วมกับจำเลยที่ ๓ ที่ ๔ และที่ ๕ ซื้อน้ำมันจากโจทก์ และไม่เคยรับน้ำมันจากโจทก์ ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ ๓ ที่ ๔ ให้การว่า จำเลยที่ ๓ ที่ ๔ ไม่ได้ร่วมกับจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ และที่ ๕ ซื้อน้ำมันจากโจทก์และไม่เคยรับน้ำมันและคดีขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ ๕ ให้การว่า จำเลยที่ ๕ ไม่เคยร่วมกันหรือแทนกันกับจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ ขายผลิตภัณฑ์น้ำมันโดยซื้อเงินเชื่อจากโจทก์ แล้วขายหาผลประโยชน์ คดีโจทก์ขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่จำเลยที่ ๑ โดยจำเลยที่ ๒ ได้สั่งจ่ายเช็คลงวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๒๔ และลงวันที่ ๑๓ พฤศจิกายน๒๕๒๔ โดยให้จำเลยที่ ๕ นำมามอบแก่โจทก์เพื่อชำระหนี้นั้น เห็นได้ชัดว่าเป็นการผ่อนชำระหนี้ค่าน้ำมันแทนจำเลยอื่นด้วยย่อมมีผลผูกพันจำเลยที่ ๓ ที่ ๔ การกระทำดังกล่าวถือได้ว่าเป็นการกระทำอันปราศจากเคลือบคลุมสงสัย ตระหนักเป็นปริยายว่ายอมรับสภาพตามสิทธิเรียกร้องของโจทก์ จึงเป็นการรับสภาพหนี้ อายุความสะดุดหยุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๗๒ เริ่มนับอายุความใหม่ตั้งแต่วันที่ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๒๔ เพราะวันนั้นเป็นวันที่อาจบังคับสิทธิเรียกร้องตามเช็คได้เป็นต้นไป ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๑๘๑ วรรคสอง ดังนั้นอายุความ ๒ ปี ครบในวันที่ ๑๓ พฤศจิกายน๒๕๒๖ โจทก์ยื่นฟ้องวันที่ ๓ พฤศจิกายน ๒๕๒๖ คดีจึงยังไม่ขาดอายุความ และศาลฎีกาเห็นว่า กรณีที่จำเลยยกอายุความขึ้นต่อสู้ศาลย่อมมีอำนาจวินิจฉัยได้ว่า จำเลยรับสภาพหนี้เป็นเหตุให้อายุความสะดุดหยุดลง และคดีของโจทก์ไม่ขาดอายุความ ไม่เป็นการนอกฟ้องนอกประเด็นดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย
ประเด็นต่อไปมีว่า จำเลยทั้งห้าจะต้องรับผิดตามฟ้องหรือไม่เพียงใดนั้น ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยทั้งห้าร่วมกันซื้อน้ำมันจากโจทก์และค้างชำระจริงตามฟ้อง จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ และที่ ๔มิได้ฎีกาและในคำแก้ฎีกาของจำเลยทั้งสี่มิได้โต้แย้งในประเด็นดังกล่าว ประเด็นนี้จึงยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คงมีประเด็นเฉพาะตามคำแก้ฎีกาของจำเลยที่ ๕ ว่า จำเลยที่ ๕ ไม่เคยร่วมกันหรือแทนกันกับจำเลยอื่นติดต่อขอซื้อน้ำมันเป็นเงินเชื่อจากโจทก์นั้นเห็นว่า นอกจากจำเลยที่ ๕ ได้ติดต่อกับโจทก์เพื่อสั่งซื้อน้ำมันร่วมกับจำเลยอื่นแล้ว ยังได้ความว่าจำเลยที่ ๕ ได้นำเช็ค ๒ ฉบับลงวันที่ ๓ และ ๑๓ พฤศจิกายน ๒๕๒๔ ไปชำระค่าน้ำมันให้โจทก์ด้วยตามพฤติการณ์ดังกล่าวย่อมแสดงว่า จำเลยที่ ๕ ร่วมกับจำเลยอื่นซื้อน้ำมันจากโจทก์ และค้างชำระค่าน้ำมันอยู่จริงตามที่โจทก์ฟ้องแต่โจทก์ได้ยื่นคำร้องขอลดจำนวนทุนทรัพย์ลง เพราะจำเลยที่ ๑โดยจำเลยที่ ๒ ได้เอาเช็คอีก ๑ ฉบับ จำนวน ๒๐,๐๐๐ บาท ชำระหนี้ให้โจทก์และโจทก์ได้รับเงินตามเช็คแล้ว เมื่อวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๒๔จำเลยทั้งห้าคงค้างชำระหนี้ถึงวันฟ้อง ๒๐๖,๔๙๖.๐๗ บาท กับดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงิน ๑๗๓,๙๐๗ บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ ศาลฎีกาเห็นว่า เป็นคำแถลงรับของโจทก์ว่าได้รับชำระหนี้จากจำเลย ๒๐,๐๐๐ บาท ตามเช็คแล้ว ทำให้ยอดหนี้ลดลงไป ศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยทั้งห้าชำระหนี้ที่ค้างชำระได้
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งห้าร่วมกันชำระหนี้ให้โจทก์๒๐๖,๔๙๖.๓๗ บาท กับดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงิน ๑๗๓,๙๐๗ บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ.

Share