แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
พ.ร.บ.สำรวจและห้ามกักกันข้าว พ.ศ. 2489 บัญญัติห้ามฉะเพาะการขนย้ายข้าวออก ซึ่งต้องเป็นที่เข้าใจว่า ขนข้าวที่อยู่ในเขตต์กักกันออกไป หาได้บัญญัติห้ามถึงการขนผ่านไม่
จำเลยขนย้ายข้าวจากจังหวัดนอกเขตต์กักกันข้าว พาผ่านจังหวัดซึ่งเป็นเขตต์กักกันข้าว เพื่อจะนำไปอีกจังหวัดหนึ่ง ดังนี้ ยังไม่เป็นผิดตาม พ.ร.บ.สำรวจและห้ามกักกันข้าว 2489
ย่อยาว
ได้ความว่า จำเลยทั้งสองได้ซื้อข้าวจากจังหวัดพระนครและจังหวัดพระนครศรีอยุธยา บรรทุกเรือพ่วง เรือกลไฟขึ้นไปตามลำแม่น้ำ เพื่อไปใช้บริโภคภายในครอบครัวที่จังหวัดสุโขทัย เรือจำเลยต้องผ่านจังหวัดพิจิตร ซึ่งเป็นเขตต์กักกันและห้ามขนย้ายข้าวตามประกาศของเจ้าพนักงาน พอเรือจำเลยออกจากเขตต์จังหวัดพิจิตร เข้าเขตต์จังหวัดพิศณุโลก ก็ถูกจับ โดยโจทก์หาว่าจำเลยได้ขนย้ายข้าวคนละ ๖ กระสอบจากเขตต์จังหวัดพิจิตร โดยมิได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการหรือพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย ขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.สำรวจและห้ามกักกันข้าว พ.ศ.๒๔๘๙ มาตรา ๔ – ๕ – ๑๐ – ๑๓
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยเป็นแต่เพียงพาข้าวผ่าน ไม่เป็นผิด จึงพิพากษาต้องกันให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามมาตรา ๑๐ แห่ง พ.ร.บ. ห้ามกักกันข้าว พ.ศ. ๒๔๘๙ บัญญัติห้ามฉะเพาะการขนย้ายออก ซึ่งต้องเป็นที่เข้าใจว่า ขนข้าวที่อยู่ในเขตต์กักกันออกไป หาได้บัญญัติห้ามถึงการขนผ่านเช่นในคดีนี้ไม่ จึงพิพากษายืน