แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อเลิกสัญญเช่าซื้อและผู้ให้เช่าซื้อยอมรับรถคืนเลิกสัญญาเช่าซื้อ สัญญาเช่าซื้อใช้บังคับได้ เมื่อผู้เช่าซื้อรับว่าต้องชำระค่าเช่าจริงผู้ให้เช่าซื้อก็มีสิทธิได้ค่าเช่าซื้องวดที่ค้างชำระมาก่อนตามข้อตกลงเดิมในสัญญาเช่าซื้อซึ่งได้ทำไว้
ย่อยาว
เรื่อง เช่าซื้อ
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๑๔ ธันวาคม ๒๔๙๕ จำเลยได้ทำสัญญาเช่าซื้อรถจักรยานยนตร์ยี่ห้อเม็ชเลสส์จากโจทก์เป็นเงิน ๑๗,๕๐๐ บาท ชำระค่าเช่าเดือนละ ๓๐๐ บาท สัญญาส่งค่าเช่าให้โจทก์ภายในวันที่ ๑ ของเดือนใหม่ทุกเดิอนนับแต่ทำสัญญาจำเลยชำระค่าเช่าให้โจทก์เพียง ๓ เดือน แล้วไม่ชำระอีกจนบัดนี้ จำเลยค้างชำระค่าเช่านับถึงวันที่ ๑ กันยายน ๒๔๙๙ กุมภาพันธ์ ๒๔๙๙ ได้มีหนังสือทวงถาม จำเลยปฏิเสธไม่ยอมรับหนังสือขอให้จำเลยชำรค่าเช่าที่ค้างเดือนละ ๓๐๐ บาทเป็นเวลา ๓ ปี ๔ เดือน เป็นเงิน ๑๒,๓๐๐ บาท และต่อไปอีกเดือนละ ๓๐๐ บาท จนกว่าจะคืนรถให้โจทก์ และให้จำเลยคืนรถจักรยานยนตร์ให้โจทก์ในสภาพเรียบร้อย ใช้การได้ดี
จำเลยรับว่า ได้เช่าซื้อรถจักรยานยนตร์จากโจทก์ตามสัญญาเช่าซื้อจริงแต่ปฏิเสธว่า ไม่เคยค้างค่าเช่าซื้อ ได้ส่งค่าเช่าซื้อให้โจทก์ แต่โจทก์ไม่ยอมรับจำเลยมิได้เป็นฝ่ายผิดสัญญา ตัดฟ้องว่าโจทก์ฟ้องซ้ำกับคดีแดงที่๒๖๓/๒๔๙๙ โจทก์จำเลยแถลงต่อศาลตามรายงานพิจารณาลงวันที่ ๒๖ พฤศจิกายน ๒๔๙๙ ดังนี้
๑. โจทก์จำเลยรับกันว่า โจทก์ฟ้องคดีนี้ตามมูลสัญญาเช่าซื้อ และการฟ้องนี้เป็นการบอกเลิกสัญญาด้วย
๒. จำเลยยอมคืนรถรายนี้ให้โจทก์และจะนำคืนให้แก่โจทก์ที่ศาลในวันที่ ๓ ธันวาคม ๒๔๙๙ เวลา ๑๓.๓๐ น. โดยฝ่ายโจทก์จะมารอรับและยอมรับรถคืน เมื่อรับคืนแล้ว โจทก์จะแถลงให้ศาลทราบในวันนั้น
๓. จำเลยแถลงว่าค่าเช่านั้นจำเลยเลยค้างชำระแก่โจทก์จริงตามฟ้อง แต่เมื่อโจทก์ยอมเลิกสัญญาเช่าซื้อและยอมรับรถคืนตามข้อ ๒ แล้วจำเลยเห็นว่า โจทก์ไม่มีสิทธิได้ค่าเช่านั้น
คู่ความตกลงไม่สืบพยานในข้อ ๓ ขอให้ศาลวินิจฉัยว่าเมื่อโจทก์รับรถคืนและเลิกสัญญาเช่าซื้อแล้วเช่นนี้ โจทก์จะมีสิทธิฟ้องเรียกค่าเช่าที่ค้างได้อีกหรือไม่ โจทก์จำเลยต่างแถลงไม่สืบกพยานทั้งหมด และโจทก์ได้รับรถคืนตามกำหนด
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ข้อตัดฟ้องและปัญหาข้ออื่นคู่ความสละแล้ว คงวินิจฉัยเฉพาะข้อที่คู่ความขอ ให้วินิจฉัยว่าจำเลยค้างค่าเช่าโจทก์ เมื่อโจทก์ยอมรับรถคืนเลิกสัญญาเช่าซื้อเช่นนี้ โจทก์จะมีสิทธิเรียกค่าเช่าที่ค้างจากจำเลยหรือไม่ เห็นว่าสัญญาเช่าซื้อให้บังคับได้ จำเลยรับอยู่ว่า ค้างชำระค่าเช่าแก่โจทก์จริงตามฟ้อง โจทก์มีสิทธิได้ค่าเช่าตาม ป.พ.พ.มาตรา ๕๗๔ บัญญัติไว้เพียงเมื่อเจ้าของทรัพย์บอกเลิกสัญญาแล้ว เงินที่ได้ใช้มาก่อนให้ริบเป็นเจ้าของทรัพย์ไม่ได้หมายความว่า เจ้าของทรัพย์จะเรียกค่าเช่าที่ค้างตามสัญญาไม่ได้ จึงพิพากษาให้จำเลยใช้ค่าเช่ารถจักรยานยนตร์นับแต่เดือนมีนาคม ๒๔๙๕ ตลอดมาจนถึงวันฟ้องเป็นเงิน ๑๒,๓๐๐ บาท ให้โจทก์ให้จำเลยให้ค่าฤชาธรรมเนียม ค่าทนายความ ๒๐๐ บาท แทนโจทก์
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยแถลงรับอยู่แล้วว่าได้ค้างชำระค่าเช่าโจทก์จริงตามฟ้อง หากจะฟังตามที่โจทก์จำเลยแถลงรับตามข้อ ๑ ที่ว่า โจทก์จำเลยรับกันว่าการฟ้องคดีนี้เป็นการบอกเลิกสัญญาด้วยและตามข้อ ๒ ที่ว่าจำเลยยอมคืนรถรายนี้ให้และโจทก์ยอมรับคืน และตามที่จำเลยแถลงในข้อ ๓ ว่า เมื่อโจทก์ยอมเลิกสัญญาเช่าซื้อและยอมรับรถคืนตามข้อ ๒ แล้วโจทก์ไม่มีสิทธิได้ค่าเช่าเช่นนี้ อย่างมากก็จะฟังได้เพียงว่า จำเลยอาจจะไม่ต้องชำระค่าเช่าจากวันฟ้องตามที่โจทก์ยอมรับว่าเป็นการบอกเลิกสัญญาและ หรือจากวันที่โจทก์ยอมรับรถคืนตามที่แถลงนั้นก็หาเป็นเหตุให้จำเลยพ้นจากความรับผิด ในค่าเช่าซื้อตามที่ค้างชำระมาก่อนตามข้อตกลงในสัญญาเดิมไม่ จึงพิพากษายืน