คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 588/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยตัดฟ้องว่าโจทก์เคลือบคลุม (อ้างว่าข้อ 1.ค.กล่าวว่าจำเลยทั้งสองได้บังอาจสมคบกันใช้อุบายหลอกลวงกล่าวเท็จแก่นายเจริญ ซึ่งแสดงว่าได้ใช้อุบายหลอกลวงกล่าวเท็จทั้งสองคน แต่ในข้อเดียวกันก็กล่าวว่าจำเลยที่ 2 แต่คนเดียวเป็นผู้กล่าวว่ากองทัพอากาศได้ใช้ให้จำเลยมาเก็บเงิน ฟ้องเช่นนี้เป็นสองแง่สองคม ทำให้จำเลยเสียเปรียบและหลงข้อต่อสู้) แต่เมื่ออ่านฟ้องแล้วได้ความว่าโจทก์กล่าวหาว่าจำเลยทั้ง 2 สมคบกันทำใบเสร็จปลอมขึ้นหรือมิฉะนั้นก็สมคบกันใช้หนังสือปลอม โดยจำเลยที่ 1 ใช้ให้ จำเลยที่ 2 นำใบเสร็จปลอมไปเก็บเงิน จำเลยเข้าใจได้ดีไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบหรือหลงข้อต่อสู้จึงไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
เมื่อพยานมาเบิกความยังศาลโดยถูกโจทก์อ้างในฐานเป็นผู้ชำนาญการตรวจลายมือ (ตามป.วิ.อาญา ม.243 วรรคแรก) ศาลมิได้สั่งให้พยานทำความเห็นเป็นหนังสือ ดังนี้พยานจึงไม่อยู่ในบังคับต้องส่งสำเนาเอกสารการตรวจลายมือให้จำเลยก่อน 3 วันตาม ป.วิ.อาญา ม.243 วรรค 2
เมื่อโจทก์ไม่ได้สืบให้เห็นว่าหนังสือข่าวทหารอากาศเป็นส่วนราชการในกองทัพอากาศอย่างไรรายรับรายจ่ายของหนังสือนี้ก็ไม่ปรากฏว่าใช้จ่ายในเงินของราชการหรือไม่ประการใด ดังนี้แม้กองทัพอากาศจะเป็นเจ้าของและรองเสนาธิการทหารอากาศเป็นบรรณาธิการก็ดี ก็ยังฟังไม่ได้ว่าเป็นหนังสือราชการของกองทัพอากาศ จำเลยปลอมใบเสร็จรับเงินหนังสือข่าวดังกล่าวจึงมีความผิดตาม ม.224 ไม่ใช่ 225.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ก. เมื่อวันที่ ๗ มิ.ย.๙๗ ได้มีผู้ปลอมใบเสร็จรับเงินของราชการกองทัพอากาศขึ้นทั้งฉบับมีความว่าได้รับเงินจากบริษัทจี้เซ้งสี่พระยา ๖๐๐ บาท ในหนังสือข่าวทหารอากาศและปลอมลายมือชื่อ ร.อ.ลพ ผู้รับเงินโดยตั้งใจให้เป็นหนังสือสำคัญในราชการกองทัพอากาศซึ่งเป็นความเท็จ ความจริงกองทัพอากาศมิได้ออกใบเสร็จรับเงินค่าโฆษณาจากบริษัทจี้เซ้งทั้ง ร.อ.ลพ มิได้รับเงิน ๖๐๐ บาท ข. จำเลยทั้งสองบังอาจสมคบกันใช้หนังสือสำคัญในราชการปลอม โดยจำเลยที่ ๑ ใช้ให้จำเลยที่ ๒ นำใบเสร็จรับเงินดังกล่าวไปขอเก็บเงินจากบริษัทจี้เซ้ง ทั้งนี้โดยจำเลยสมคบกันปลอมใบเสร็จรับเงินนั้นโดยตั้งใจให้เป็นหนังสือสำคัญในราชการกองทัพอากาศที่แท้จริงหรือมิฉะนั้นจำเลยทั้ง ๒ สมคบกันนำใบเสร็จรับเงินปลอมดับกล่าวไปใช้เป็นหนังสือสำคัญในราชการกองทัพอากาศที่แท้จริงโดยจำเลยทั้งสองรู้ว่าเป็นหนังสือสำคัญที่มีผู้ทำปลอมขึ้น ค. จำเลยสมคบกันหลอกลวงให้นายเจริญจ่ายเงิน ๖๐๐ บาทของบริษัทจี้เซ้งแก่จำเลยหากมีเหตุสุดวิสัยมาขัดขวางเสียโดยนายเจริญรู้เสียก่อนว่าเป็นใบเสร็จปลอม ขอให้ลงโทษตาม ม.๒๒๕ – ๒๒๗ และ ๓๐๔
จำเลยที่ ๑ ต่อสู้ว่ามิได้ปลอมใบเสร็จตามฟ้อง ใบเสร็จของกลางเป็นของนายบุญเรือนจ้างมาให้จำเลยที่ ๑ ช่วยไปเก็บเงิน จำเลยที่ ๑ เชื่อโดยสุจริตว่าเป็นของกองทัพอากาศที่แท้จริงจึงรับไว้และให้จำเลยที่ ๒ ไปเก็บเงินอีกต่อหนึ่ง และตัดฟ้องว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ทำให้จำเลยเสียเปรียบและหลงข้อต่อสู้ ฯลฯ
จำเลยที่ ๒ ต่อสู้ว่าจำเลยที่ ๑ ขอให้จำเลยที่ ๒ ไปเก็บแทนโดยสัญญาให้ค่าจ้าง
ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยที่ ๑ เป็นผู้ปลอมใบเสร็จของกลาง จำเลยที่ ๒ รับไว้โดยไม่รู้ว่าปลอมไม่มีผิด ใบเสร็จของกลางเป็นหนังสือสำคัญในราชการฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุมพิพากษาว่านายประเสริฐ จำเลยที่ ๑ มีความผิดตาม ก.ม.อาญา ม.๒๒๕ ฯ ให้จำคุกไว้ ๓ ปี ให้ยกฟ้องโจทก์ เฉพาะนายประทีปจำเลยที่ ๒ ของกลางริบ
นายประเสริฐจำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
นายประเสริฐจำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าคดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันให้ลงโทษจำคุกจำเลยที่ ๑ เพียง ๓ ปี ฉนั้นจึงต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อาญา ม.๒๑๘ ส่วนฎีกาปัญหาข้อ ก.ม.ของจำเลยที่ ๑ รวม ๓ ข้อคือ
๑. ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม
๒. ศาลจะรับฟังคำนายร้อยตำรวจเอกเล็กไม่ได้เพราะผิดต่อป.วิ.อาญา ม.๒๔๓
๓. ใบเสร็จรับเงินของกลางเป็นหนังสือธรรมดาไม่ใช่หนังสือสำคัญในราชการ เพราะหนังสือข่าวทหารอากาศไม่ใช่ราชการ
ฎีกาข้อ ๑ นั้นศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อได้อ่านฟ้องโจทก์แล้วก็คงเก็บใจความได้ว่าโจทก์กล่าวหาว่าจำเลยทั้งสองสมคบกันทำใบเสร็จปลอมขึ้นหรือมิฉนันก็สมคบกันใช้หนังสือปลอม โดยจำเลยที่ ๑ ใช้ให้ จำเลยที่ ๒ นำใบเสร็จปลอมไปเก็บเงินจากนายเจริญ ฟ้องดังนี้จำเลยเข้าใจได้ดีไม่ทำให้จำเลยเสียเปรียบหรือหลงข้อต่อสู้อย่างใด จึงไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม
ฎีกาข้อ ๒. ที่คัดค้านว่าจะรับฟังคำ ร.ต.อ.เล็กไม่ได้เพราะโจทก์มิได้ส่งสำเนาความเห็นพยานให้แก่จำเลยก่อน ๓ วัน ตามป.วิ.อาญา ม.๒๔๓ นั้น เห็นว่า ม.๒๔๓ นั้นเป็นเรื่องที่ศาลสั่งให้พยานทำความเห็นเป็นหนังสือและบังคับว่าพยานต้องมาเบิกความประกอบหนังสือนั้นและต้องส่งสำเนาหนังสือให้จำเลยก่อน ๓ วัน แต่คดีนี้ศาลมิได้สั่งให้พยานทำความเห็นเป็นหนังสือ พยานมาเบิกความยังศาลโดยถูกโจทก์อ้างในฐานเป็นผู้ชำนาญการตรวจลายมือจึงไม่อยู่ในบังคับที่จะต้องส่งสำเนาเอกสารตรวจลายมือให้จำเลยก่อน ๓ วัน
ฎีกาข้อ ๓. นั้นเห็นว่าแม้กองทัพอากาศจะเป็นเจ้าของหนังสือข่าวทหารอากาศและรองเสนาธิการเป็นบรรณาธิการหนังสือนั้นก็ดี โจทก์ก็มิได้สืบให้เห็นว่าหนังสือข่าวทหารอากาศเป็นส่วนราชการในกองทัพอากาศอย่างไร รายรับรายจ่ายของหนังสือนี้ก็ไม่ปรากฏว่าใช้จ่ายเงินของราชการหรือไม่ประการใด จึงยังฟังไม่ได้ว่าหนังสือข่าวทหารอากาศเป็นหนังสือราชการของทหารอากาศฉนั้นใบเสร็จรับเงินของหนังสือข่าวทหารอากาศไม่ใช่หนังสือสำคัญในราชการ จำเลยจึงมีความผิดตาม ม.๒๒๔ ไม่ใช่ ๒๒๕
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า จำเลยที่ ๑ มีความผิดตาม ก.ม.อาญา ม.๒๒๔ แต่โทษที่ศาลล่างวางมาสมควรกับความผิดแล้ว จึงคงไว้ตามเดิม นอกจากนี้ยืน.

Share