คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1999/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 เป็นบทบัญญัติที่ให้อำนาจศาลใช้ดุลพินิจในการลงโทษจำเลยที่มีอายุกว่า 17 ปีแต่ยังไม่เกิน 20 ปี โดยลดมาตราส่วนโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดที่จำเลยกระทำลงหนึ่งในสามหรือกึ่งหนึ่ง ดังนั้นเมื่อคดีขึ้นสู่การพิจารณาของศาลอุทธรณ์แล้ว หากศาลอุทธรณ์เห็นว่าขณะกระทำผิดจำเลยมีอายุเพียง 17 ปีเศษ ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยและลดมาตราส่วนโทษให้แก่จำเลยได้แม้ปัญหานี้จะมิได้ว่ากันมาแล้วแต่ในศาลชั้นต้นก็ตาม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 วรรคท้าย, 83, 33 ริบค้อนยางของกลาง และให้จำเลยทั้งสามร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืน 65,000บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยทั้งสามให้การปฎิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคท้าย ประกอบด้วยมาตรา 83ให้ประหารชีวิต และให้จำเลยที่ 2 คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืน 65,000 บาท แก่ผู้เสียหาย (ทายาทของผู้เสียหาย)ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1 และที่ 3 ให้คืนค้อนยางของกลางแก่เจ้าของ
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลดมาตราส่วนโทษให้จำเลยที่ 2 กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76ประกอบด้วยมาตรา 52(2) จำคุก 50 ปี จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 2มีกำหนด 33 ปี 4 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา โดยอัยการสูงสุดรับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาว่าการลดมาตราส่วนโทษให้จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 76 เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยอันศาลอุทธรณ์จะหยิบยกขึ้นพิจารณา แม้มิได้ว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นได้หรือไม่นั้นเห็นว่า ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 76 เป็นบทบัญญัติที่ให้อำนาจศาลใช้ดุลพินิจในการลงโทษจำเลยที่มีอายุกว่า 17 ปี แต่ยังไม่เกิน 20 ปี โดยลดมาตราส่วนโทษที่กำหนดไว้สำหรับความผิดที่จำเลยกระทำลงหนึ่งในสามหรือกึ่งหนึ่ง ดังนั้นเมื่อคดีนี้ขึ้นสู่การพิจารณาของศาลอุทธรณ์แล้ว หากศาลอุทธรณ์เห็นว่าขณะกระทำผิดจำเลยมีอายุเพียง17 ปีเศษ ศาลอุทธรณ์ย่อมมีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยและลดมาตราส่วนโทษให้แก่จำเลยได้ แม้ปัญหานี้จะมิได้ว่ากันมาแล้วแต่ในศาลชั้นต้นก็ตาม
พิพากษายืน

Share