คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5879/2533

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ข้อหาฐานยิงปืนโดยใช่ เหตุตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 376 ศาลชั้นต้นลงโทษปรับ 400 บาท ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ข้อเท็จจริงตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 193 ทวิ ที่ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยให้เป็นการไม่ชอบต้องถือว่าข้อเท็จจริงเป็นอันยุติตามคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้น โจทก์ไม่มีสิทธิฎีกา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย จำเลยจับและบังคับผู้เสียหายให้เดิน ไปตามร่อง สวนแล้วทำร้ายผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บบริเวณศีรษะและที่หน้าผาก ด้าม ปืนลูกซองของจำเลยหักโดยไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับบาดเจ็บ หากเป็นการแย่งปืนตามธรรมดา ลักษณะคงไม่รุนแรงอย่างนั้น กรณีไม่เป็นการป้องกันตัวหรือทรัพย์สินตามกฎหมาย จำเลยทำร้ายผู้เสียหายเพราะเข้าใจว่าผู้เสียหายเป็นคนร้ายทั้งผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บมีบาดแผลเล็กน้อย แพทย์ลงความเห็นรักษาประมาณ 7 วัน พฤติการณ์แห่งคดีสมควรรอการลงโทษ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295, 371, 376และ 91 พระราชบัญญัติอาวุธฯ มาตรา 8 ทวิ, 72 ทวิ คืนอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของกลางเจ้าของ
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295, 376 ประกอบด้วยมาตรา 91 ฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายและจิตใจ จำคุก 6 เดือน และฐานยิงปืนโดยใช่เหตุ ปรับ 400 บาท รวมจำคุก 6 เดือนปรับ 400 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้กักขังแทนตามมาตรา 29, 30 ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยกฟ้อง คืนอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนของกลางแก่เจ้าของ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295ให้จำคุก 2 เดือน ให้ยกฟ้องความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 376นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์และจำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้จำเลยฎีกาปัญหาข้อเท็จจริงในฐานความผิดทำร้ายร่างกาย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อหาฐานยิงปืนโดยใช่เหตุตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 376 ศาลชั้นต้นลงโทษปรับ 400 บาท ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิ ที่ศาลอุทธรณ์รับวินิจฉัยให้เป็นการไม่ชอบ ต้องถือว่าข้อเท็จจริงเป็นอันยุติตามคำวินิจฉัยของศาลชั้นต้นว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 376 โจทก์ไม่มีสิทธิฎีกา ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัย คงมีปัญหาจะต้องวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยว่า จำเลยกระทำความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 หรือไม่ เชื่อว่าจำเลยเห็นผู้เสียหายกับพวก 2 คน เข้าใจว่าเป็นคนร้ายมาไล่เป็ด จำเลยจึงได้ยิงปืนขู่ ชาย 2 คนวิ่งหนีไป จำเลยจับผู้เสียหายได้บังคับให้เดินไปตามร่องสวน แล้วจึงเกิดการทำร้ายกันขึ้นที่จำเลยว่าผู้เสียหายหันกลับมาแย่งปืนจำเลย ผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บนั้น ปรากฏว่าผู้เสียหายได้รับบาดเจ็บ 2 แห่ง คือ บริเวณศีรษะ และที่หน้าผาก ด้ามปืนลูกซองของจำเลยหักโดยไม่ปรากฏว่าจำเลยได้รับบาดเจ็บ หากเป็นการแย่งปืนตามธรรมดาลักษณะคงไม่รุนแรงอย่างนั้น นายอภิชาติบิดาจำเลยเบิกความว่า ได้ยินเสียงปืนดังจึงเดินไปดู เห็นจำเลยถือปืนคุมชาย 1 คน ซึ่งกำลังนั่งอยู่ จำเลยแจ้งว่าชายดังกล่าวได้เข้ามาขโมยสัตว์และทรัพย์สินในสวน นายอภิชาติเห็นว่าไม่มีทรัพย์สินเสียหายจึงไม่นำส่งเจ้าพนักงานตำรวจ แต่ให้ปล่อยตัวไป นายอภิชาติมิได้เบิกความเลยว่าจำเลยบอกว่าผู้เสียหายแย่งปืน คดีฟังได้ว่าจำเลยทำร้ายผู้เสียหายจริง กรณีไม่เป็นการป้องกันตัวหรือทรัพย์สินตามกฎหมาย แต่เห็นว่าผู้เสียหายมีบาดแผลเล็กน้อยแพทย์ลงความเห็นว่ารักษาประมาณ 7 วัน พฤติการณ์แห่งคดีสมควรรอการลงโทษ”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในข้อหาฐานยิงปืนโดยใช่เหตุคงให้บังคับคดีสำหรับความผิดในข้อหานี้ไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ส่วนข้อหาฐานทำร้ายร่างกายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295 ให้รอการลงโทษจำคุกมีกำหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share