แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้โจทก์จะขอให้ลงโทษจำเลยตาม ป.อ. มาตรา 342,265,268ซึ่งมีอัตราโทษตามที่กฎหมายกำหนดไว้ให้จำคุกเกินกว่า 3 ปี แต่โจทก์บรรยายฟ้องความผิดฐานฉ้อโกงไม่เข้าองค์ประกอบความผิดตามมาตรา 342 ไม่อาจลงโทษจำเลยฐานนี้ได้ ส่วนความผิดฐานปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม โจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องว่า จำเลยปลอมเอกสารสิทธิหรือเอกสารราชการไม่อาจลงโทษจำเลยตามมาตรา 265,268 ได้เช่นกัน คงเหลือความผิดฐานอื่นซึ่งมีอัตราโทษตามที่กฎหมายกำหนดไว้ให้จำคุกไม่เกิน 3 ปี จึงเป็นคดีซึ่งต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ. มาตรา 193 ทวิ.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 334 นายบุญทิ้งได้ฟ้องโจทก์ต่อศาลชั้นต้นขอแบ่งมรดก โจทก์ติดต่อจำเลยให้หาทนายความให้โทษมีข้อตกลงข้อตกลงว่าถ้าโจทก์ชนะคดีโจทก์จะให้ที่ดินแก่จำเลยจำนวนหนึ่ง จำเลยให้โจทก์ลงชื่อในกระดาษแบบพิมพ์หลายแผ่นเพราะโจทก์อ่านหนังสือไม่ออก แล้วจำเลยได้ติดต่อหาทนายความให้แก่โจทก์ต่อมาทนายความของโจทก์ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับทนายความของนายบุญทิ้ง ยกที่ดินให้แก่นายบุญทิ้งจำนวนหนึ่ง โดยโจทก์ไม่ทราบเรื่องและไม่ได้ให้ความยินยอม ต่อมาจำเลยได้นำหนังสือมอบอำนาจและสัญญาซื้อขายซึ่งจำเลยหลอกลวงให้โจทก์ลงชื่อไว้มากรอกข้อความ แล้วไปติดต่อเจ้าพนักงานที่ดินว่าโจทก์ขายที่ดินโฉนดเลขที่ 3364 ให้แก่จำเลยจำนวนหนึ่ง และรับเงินจากจำเลยแล้ว เจ้าพนักงานที่ดินหลงเชื่อจึงจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมให้แก่จำเลยเป็นเจ้าของที่ดินร่วมกับโจทก์ โดยไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์และโจทก์ไม่เคยรับเงินจากจำเลย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341, 342,264, 265,267, 268
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีไม่มีมูล พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกอุทธรณ์โจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าพยานที่โจทก์นำสืบยังขาดตกบกพร่องและขาดเหตุผลที่น่าเชื่อ คดีโจทก์จึงไม่มีมูล โจทก์อุทธรณ์ว่าโจทก์นำสืบสมตามฟ้องแล้ว เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง แม้โจทก์จะขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 342, 365, 268 ซึ่งมีอัตราโทษตามที่กฎหมายกำหนดไว้ให้จำคุกเกินกว่า 3 ปี แต่โจทก์บรรยายฟ้องความผิดฐานฉ้อโกงว่าจำเลยหลอกลวงให้โจทก์ลงชื่อในเอกสาร โจทก์ยอมลงชื่อเพราะอ่านหนังสือไม่ออกซึ่งปรากฏชัดว่าไม่เข้าองค์ประกอบความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 342เพราะไม่ได้อาศัยความเบาปัญญาของผู้ถูกหลอกลวงซึ่งเป็นเด็ก หรืออาศัยความอ่อนแอแห่งจิตของผู้ถูกหลอกลวง ไม่อาจลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 342 ได้ ส่วนความผิดฐานปลอมเอกสารและใช้เอกสารหลอมโจทก์ก็ไม่ได้บรรยายฟ้องว่า จำเลยปลอกเอกสารสิทธิหรือเอกสารราชการ ไม่อาจลงโทษจำเลยฐานปลอมเอกสารสิทธิ์หรือเอกสารราชการและใช้เอกสารสิทธิหรือเอกสารราชการปลอม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265, 268 ได้เช่นกัน คงเหลือความผิดฐานอื่นซึ่งมีอัตราโทษตามที่กฎหมายกำหนดไว้ให้จำคุกไม่เกิน 3 ปี จึงเป็นคดีซึ่งต้องห้ามตามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ทวิ
พิพากษายืน.