คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 587/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ซึ่งเป็นมารดาจำเลยที่ 1 และที่ 2 ได้ยกที่ดินให้แก่จำเลยทั้งสองคนละ 1 แปลง ต่อมาโจทก์ขอที่ดินดังกล่าวคืน จำเลยที่ 1ด่าโจทก์ว่า “ยกให้แล้วเอาคืน ไม่ใช่แม่คนเป็นแม่หมา ๆ” จำเลยที่ 2ด่าว่า “อีแก่ มึงไม่มีศีลธรรม นับแต่วันนี้ไม่ต้องเป็นแม่ลูกกัน”ดังนี้ ถือได้ว่าจำเลยทั้งสองหมิ่นประมาทโจทก์ซึ่งเป็นผู้ให้อย่างร้ายแรง เป็นการประพฤติเนรคุณ โจทก์มีสิทธิเรียกถอนคืนการให้ได้ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 531(2)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นบุตรโจทก์ได้ประพฤติเนรคุณโดยบอกปัดไม่ยอมให้สิ่งของจำเป็นเลี้ยงชีพแก่โจทก์ และหมิ่นประมาทโจทก์อย่างร้ายแรงเนื่องจากโจทก์ทวงที่ดินที่ยกให้จำเลยทั้งสองคืนขอให้บังคับจำเลยทั้งสองส่งมอบที่ดินคืนโจทก์ โดยไปจดทะเบียนโอนให้แก่โจทก์ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษา หากไม่ปฏิบัติขอให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลเป็นการแสดงเจตนาแทนจำเลยทั้งสอง
จำเลยทั้งสองให้การว่า ที่ดินพิพาทเป็นของบิดาและบิดาได้ยกให้แก่บุตรทุกคนจำเลยทั้งสองได้เข้าครอบครองทำประโยชน์ในส่วนที่ตนได้รับส่วนแบ่งมาจนปัจจุบัน และนำทางราชการรังวัดจนได้รับ น.ส.3ก.ต่อมาโจทก์ได้ใช้อุบายหลอกลวงขอ น.ส.3ก.จากจำเลยทั้งสองไปยึดถือไว้แล้วนำไปให้ทนายความฟ้องจำเลยทั้งสองเป็นคดีนี้ จำเลยทั้งสองไม่เคยด่าทอโจทก์ และได้ส่งเสียเกื้อกูลโจทก์ตามควรแก่ฐานานุรูป ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองไปจดทะเบียนโอนที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ถ้าไม่ไป ให้ถือเอาคำพิพากษาแสดงเจตนาแทน
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาว่าจำเลยทั้งสองหมิ่นประมาทโจทก์ซึ่งเป็นผู้ให้อย่างร้ายแรงหรือไม่ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยทั้งสองโกรธโจทก์เพราะขอที่ดินพิพาทคืน จำเลยที่ 1 ด่าโจทก์ว่า “ยกให้แล้วเอาคืน ไม่ใช่แม่คน เป็นแม่หมา ๆ” จำเลยที่ 2 ด่าว่า “อีแก่มึงไม่มีศีลธรรม นับแต่วันนี้ไม่ต้องเป็นแม่ลูกกัน” เห็นว่า ถ้อยคำที่ด่าดังกล่าวถือได้ว่าจำเลยทั้งสองหมิ่นประมาทโจทก์ซึ่งเป็นผู้ให้และเป็นมารดาอย่างร้ายแรงเป็นการประพฤติเนรคุณ โจทก์มีสิทธิเรียกถอนคืนการให้ได้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 531(2)ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยประเด็นอื่น
พิพากษายืน

Share