แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
การขอให้ศาลมีคำสั่ง เพื่อคุ้มครองประโยชน์ตามวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษา ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 264 นั้น ผู้ที่จะขอได้ต้องเป็นคู่ความในคดี.
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องมาจากในระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นผู้ร้องยื่นคำร้องสอดขอเข้ามาเป็นคู่ความฝ่ายที่สาม ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 57(1) โดยอ้างว่าผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาถึงที่สุดของจำเลยในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่8315/2528 ของศาลแพ่ง และได้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 4854 และ 4855ตำบลท่าพริก อำเภอเมืองตราด จังหวัดตราดไว้แล้ว อยู่ในระหว่างจะนำออกขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้แก่ผู้ร้อง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นงดการพิจารณาคดีหรือเลื่อนการพิจารณาคดีออกไป เนื่องจากผู้ร้องจะอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับคำร้องสอดเพื่อฟังคำสั่งของศาลอุทธรณ์ก่อนศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้เข้าเป็นผู้ร้องสอด จึงไม่มีเหตุที่จะงดหรือเลื่อนการพิจารณาคดียกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ และทำการสืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียวเนื่องจากจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา แล้วพิพากษาว่าที่ดินตามโฉนดเลขที่ 4854 และ 4855 ตำบลท่าพริก อำเภอเมืองตราดจังหวัดตราด เป็นของโจทก์ ให้จำเลยเพิกถอนชื่อออกจากโฉนดที่ดินทั้งสองแปลง หากไม่ปฏิบัติตามให้ถือคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา
ผู้ร้องสอดอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวและยื่นคำร้องว่าโจทก์กำลังจะโอนที่ดินทั้งสองแปลงดังกล่าวข้างต้นให้บุคคลอื่น ซึ่งจะเป็นการทำให้ผู้ร้องเสียหาย จึงขอให้ศาลอุทธรณ์สั่งให้ศาลชั้นต้นมีหนังสือไปยังเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดตราดให้ระงับการเพิกถอนชื่อจำเลยออกจากโฉนดที่ดินและระงับการทำนิติกรรมใด ๆ เกี่ยวกับที่ดินตามโฉนดเลขที่ดังกล่าว หรือเพิ่มภาระแก่ที่ดิน จนกว่าศาลสูงจะได้มีคำสั่งให้รับคำร้องสอดยกคำสั่งและคำพิพากษาของศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาและพิพากษาใหม่ตามรูปคดี อันเป็นการคุ้มครองประโยชน์ของผู้ร้องสอดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 264
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่า คดีไม่มีเหตุสมควรที่จะสั่งให้คุ้มครองประโยชน์ของผู้ร้อง ให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องสอดฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “การขอให้ศาลมีคำสั่งเพื่อคุ้มครองประโยชน์ตามวิธีการชั่วคราวก่อนพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งภาค 4 ลักษณะ 1 หมวด 1 โดยเฉพาะตามมาตรา 264 ที่ผู้ร้องอ้างอิงบัญญัติว่า “ข้อความในหมวดนี้มิได้ถือว่าห้ามคู่ความในอันที่จะมีคำขอในระหว่างการพิจารณาหรือเพื่อบังคับตามคำพิพากษา เช่นให้นำทรัพย์สินหรือเงินที่พิพาทมาวางต่อศาล ฯลฯ” ผู้ที่จะขอได้จึงต้องเป็นคู่ความในคดีที่ขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองนั้น ผู้ร้องเพียงแต่ยื่นคำร้องขอเข้ามาเป็นคู่ความ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ผู้ร้องเข้ามาเป็นคู่ความในขณะยื่นคำร้องผู้ร้องมิใช่คู่ความ จึงไม่มีสิทธิขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองประโยชน์ตามบทบัญญัติดังกล่าวมานี้…”
พิพากษายืน.