คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5866/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลมีคำสั่งให้ ศ. เป็นคู่ความแทนจำเลย ศ. ยื่นคำร้องขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งดังกล่าวอ้างว่าส่งหมายเรียกให้แก่ตนไม่ชอบ ศาลมีคำสั่งยกคำร้องเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาและมิได้เป็นคำสั่งที่ไม่รับหรือคืนคำคู่ความตามมาตรา 18 เมื่อจำเลยมิได้โต้แย้งไว้ตามมาตรา 226 (2) จึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์
การขอแก้ไขคำให้การให้ทำเป็นคำร้องยื่นต่อศาลก่อนวันชี้สองสถานหรือก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน ในกรณีที่ไม่มีการชี้สองสถาน เว้นแต่มีเหตุอันสมควรที่ไม่อาจยื่นคำร้องได้ก่อนนั้น หรือเป็นการขอแก้ไขในเรื่องเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนหรือเป็นการแก้ไขข้อผิดพลาดเล็กน้อยหรือข้อผิดหลงเล็กน้อย การที่จำเลยยื่นคำร้องขอแก้ไขคำให้การหลังจากโจทก์สืบพยานไปแล้ว 1 ปาก จำเลยจึงไม่มีสิทธิกระทำได้โดยไม่ต้องพิเคราะห์ว่าโจทก์จะเสียเปรียบหรือไม่
สัญญาเช่าระหว่างผู้ให้เช่ากับผู้เช่าจะเป็นสัญญาธรรมดาหรือสัญญาต่างตอบแทนยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดา ก็เป็นเรื่องระหว่างคู่สัญญา มิใช่ปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยและบริวารขนย้ายทรัพย์สินออกจากอาคารเลขที่ ๔๗ ตรอกอิศรานุภาพ แขวงป้อมปราบ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร กับให้จำเลยใช้ค่าเสียหายและค่าภาษีโรงเรือนรวม ๒๗๙,๖๐๐ บาท กับค่าเสียหายเป็นรายเดือน เดือนละ ๖,๐๐๐ บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจำเลยและบริวารจะขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากอาคารที่เช่า
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณาจำเลยถึงแก่ความตาย โจทก์ยื่นคำร้องขอให้เรียกนายเทิดศักดิ์ สิทธิเดชกุลศิลป์ ทายาทเข้าเป็นคู่ความแทน ศาลชั้นต้นอนุญาต ต่อมานายเทิดศักดิ์ถึงแก่ความตาย โจทก์ยื่นคำร้องขอให้เรียกนายศุภชาญ สิทธิเดชกุลศิลป์ ทายาทอีกคนหนึ่งเข้าเป็นคู่ความแทน ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกจากอาคารเลขที่ ๔๗ ตรอกอิศรานุภาพ แขวงป้อมปราบ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร พร้อมส่งมอบอาคารคืนให้แก่โจทก์ในสภาพเรียบร้อย ให้จำเลยชำระค่าเสียหายเดือนละ ๔,๐๐๐ บาท นับแต่วันที่ ๕ ตุลาคม ๒๕๓๙ จนกว่าจำเลยจะขนย้ายและส่งมอบอาคารคืนแก่โจทก์ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความเป็นเงิน ๕,๐๐๐ บาท คำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ ๓,๐๐๐ บาท แทนโจทก์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า การที่ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องของ ศ. ที่ขอให้เพิกถอนคำสั่งที่สั่งให้ ศ. เป็นคู่ความแทนจำเลยเป็นคำสั่งในระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นและมิได้เป็นคำสั่งที่ไม่รับหรือคืนคำคู่ความตามมาตรา ๑๘ หากจำเลยเห็นว่าศาลชั้นต้นสั่งไม่ชอบอย่างไรก็ชอบที่จะโต้แย้งคำสั่งนั้นไว้เพื่อจะใช้สิทธิอุทธรณ์คำสั่งนั้นต่อไปตามมาตรา ๒๒๖ (๒) เมื่อจำเลยมิได้โต้แย้งไว้ จำเลยจึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวได้ ที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยให้นั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
การขอแก้ไขคำให้การจะต้องทำเป็นคำร้องยื่นต่อศาลก่อนวันชี้สองสถานไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน หรือก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าเจ็ดวันในกรณีที่ไม่มีการชี้สองสถาน เว้นแต่มีเหตุอันสมควรที่ไม่อาจยื่นคำร้องได้ก่อนนั้น หรือเป็นการขอแก้ไขในเรื่องที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน หรือเป็นการแก้ไขข้อผิดพลาดเล็กน้อยหรือข้อผิดหลงเล็กน้อย จำเลยยื่นคำร้องขอแก้ไขคำให้การหลังจากโจทก์สืบพยานไปแล้ว ๑ ปาก จึงไม่มีสิทธิจะทำได้โดยไม่ต้องพิเคราะห์ว่าโจทก์จะเสียเปรียบหรือไม่
ส่วนกรณีสัญญาเช่าระหว่างจำเลยกับกรมการศาสนาจะเป็นสัญญาเช่าธรรมดาหรือสัญญาต่างตอบแทนยิ่งกว่าสัญญาเช่าธรรมดาเป็นเรื่องระหว่างจำเลยกับกรมการศาสนา มิใช่ปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน โจทก์จะมีอำนาจฟ้องจำเลยหรือไม่ขึ้นอยู่ที่ว่าจำเลยโต้แย้งสิทธิของโจทก์หรือไม่ การขอแก้ไขคำให้การของจำเลยจึงไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ที่ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องของจำเลยนั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น…
พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นฎีกา ๑,๕๐๐ บาท แทนโจทก์

Share