คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1174/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลตั้งผู้ร้องเป็นผู้จัดการมรดก ศาลประกาศวันเวลานัดไต่สวนคำร้องและว่าผู้ใดจะคัดค้านให้ยื่นคำร้องต่อศาลก่อนกำหนดนี้ กำหนดระยะเวลาให้ยื่นคำร้องคัดค้านดังกล่าว หมายถึงกำหนดวันเวลาที่จะมีการไต่สวนคำร้องของผู้ร้องจริง ๆ เมื่อถึงวันนัดตามที่ระบุไว้ในประกาศของศาล ศาลยังไม่ได้ไต่สวนพยานของผู้ร้อง ผู้คัดค้านที่ 2 ยื่นคำร้องคัดค้านก่อนมีการไต่สวนพยานของผู้ร้องจริง ๆ จึงเป็นการยื่นคำร้องคัดค้านภายในระยะเวลาที่ศาลกำหนด เมื่อศาลสั่งรับคำร้องคัดค้านของผู้คัดค้านที่ 2 ไว้แล้วก็ชอบที่จะดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไป ไม่ควรยกคำร้องคัดค้านนั้นเสียก่อน

ย่อยาว

คดีทั้งสองสำนวน ผู้ร้องทั้งสองกับผู้คัดค้านที่ ๑ ต่างยื่นคำร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกผู้ตาย และยื่นคำร้องคัดค้านการร้องขอเป็นผู้จัดการมรดกของแต่ละฝ่าย
ก่อนศาลชั้นต้นทำการไต่สวนคำร้องดังกล่าว ผู้คัดค้านที่ ๑ ยื่นคำร้องคัดค้านการตั้งผู้ร้องทั้งสองและผู้คัดค้านที่ ๑ เป็นผู้จัดการมรดกผู้ตาย และผู้คัดค้านที่ ๓ ยื่นคำร้องคัดค้านการตั้งผู้ร้องทั้งสอง ผู้คัดค้านที่ ๑ และที่ ๒ เป็นผู้จัดการมรดกผู้ตาย
ศาลชั้นต้นรับคำร้องคัดค้านของผู้คัดค้านที่ ๒ และที่ ๓ แล้ว ต่อมามีคำสั่งไม่อนุญาตให้ผู้คัดค้านที่ ๒ และที่ ๓ เข้ามาเป็นคู่ความในคดี ให้ยกคำร้องและไต่สวนคดีระหว่างผู้ร้องทั้งสองกับผู้คัดค้านที่ ๑ แล้วมีคำสั่งตั้งผู้คัดค้านที่ ๑ เป็นผู้จัดการมรดกผู้ตาย ยกคำร้องของผู้ร้องทั้งสอง
ผู้ร้องทั้งสอง และผู้คัดค้านที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ตั้งผู้ร้องทั้งสองเป็นผู้จัดการมรดกผู้ตายส่วนคำสั่งไม่อนุญาตให้ผู้คัดค้านที่ ๒ เข้ามาเป็นคู่ความพิพากษายืน
ผู้คัดค้านที่ ๒ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้คัดค้านที่ ๒ มีว่า ผู้คัดค้านที่ ๒ ยื่นคำร้องคัดค้านเกินกำหนดเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดหรือไม่ ปรากฏตามข้อเท็จจริงในสำนวนว่า ศาลชั้นต้นประกาศนัดไต่สวนคำร้องของผู้ร้องทางหนังสือพิมพ์ เมื่อวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๒๗ เวลา ๑๓.๓๐ นาฬิกา ผู้คัดค้านที่ ๑ ยื่นคำร้องคัดค้านเข้ามา ศาลชั้นต้นให้เลื่อนการไต่สวนเป็นวันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๒๗ ผู้คัดค้านที่ ๒ ได้ยื่นคำร้องคัดค้านขอให้ตั้งตนเองเป็นผู้จัดการมรดก ศาลชั้นต้นสั่งรับคำร้องและให้เลื่อนการไต่สวน ครั้นถึงวันนัดวันที่ ๘ มิถุนายน ๒๕๒๗ ผู้คัดค้านที่ ๓ ยื่นคำร้องคัดค้านขอให้ตั้งตนเองเป็นผู้จัดการมรดก ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งให้ยกคำร้องคัดค้านของผู้คัดค้านที่ ๒ ที่ ๓ แล้วไต่สวนพยานผู้ร้อง เห็นว่า คดีนี้เริ่มต้นด้วยศาลชั้นต้นประกาศนัดไต่สวนคำร้องของผู้ร้องวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๒๗ เวลา ๑๓.๓๐ นาฬิกา และว่าผู้ใดจะคัดค้านคำร้องขอนี้ประการใดให้ยื่นคำร้องต่อศาลก่อนกำหนดนี้ เห็นได้ว่ากำหนดระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นประกาศให้ผู้ที่ประสงค์ยื่นคำร้องคัดค้านยื่นคำร้องต่อศาลก่อนกำหนดนี้นั้น หมายถึงกำหนดวันเวลาที่จะมีการไต่สวนคำร้องของผู้ร้องจริง ๆ ดังนั้น เมื่อถึงวันนัดที่ศาลชั้นต้นกำหนดไว้คือวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๒๗ เวลา ๑๓.๓๐ นาฬิกา ตามที่ระบุไว้ในประกาศของศาลชั้นต้น ศาลยังไม่ได้ไต่สวนพยานของผู้ร้อง การที่ผู้คัดค้านที่ ๒ ยื่นคำร้องคัดค้านคำร้องของผู้ร้องก่อนมีการไต่สวนพยานผู้ร้องจริง ๆ จึงเป็นการยื่นคำร้องคัดค้านภายในระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ซึ่งศาลชั้นต้นก็ได้มีคำสั่งให้รับคำร้องคัดค้านของผู้คัดค้านที่ ๒ ไว้แล้ว ปัญหาตามฎีกาของผู้คัดค้านที่ ๒ มีต่อไปว่า การสั่งยกคำร้องคัดค้านของผู้คัดค้านที่ ๒ จะทำได้ก็โดยอาศัยอำนาจตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๗ แต่ในกรณีของผู้คัดค้านที่ ๒ ไม่มีกระบวนพิจารณาที่ไม่ชอบอันจะต้องเพิกถอนนั้น เห็นว่า ดังได้วินิจฉัยแล้วว่า ผู้คัดค้านที่ ๒ ได้ยื่นคำร้องคัดค้านเข้ามาภายในระยะเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด และศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับคำร้องคัดค้านของผู้คัดค้านที่ ๒ ไว้แล้ว จึงชอบที่จะดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปให้เสร็จสิ้นกระแสความ ไม่ควรด่วนยกคำร้องคัดค้านของผู้คัดค้านที่ ๒ เสียก่อน ฎีกาของผู้คัดค้านที่ ๒ ฟังขึ้น และไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาข้ออื่นของผู้คัดค้านที่ ๒ อีกต่อไป
พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นรับคำร้องคัดค้านของผู้คัดค้านที่ ๒ ไว้แล้วดำเนินกระบวนพิจารณาและมีคำสั่งหรือคำพิพากษาตามรูปคดี

Share