คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 146/2532

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

แม้ข้อตกลงระหว่างพันจ่าอากาศเอก ส. กับจำเลยตามรายงานเบ็ดเสร็จประจำวันจะมีใจความว่า พันจ่าอากาศเอก ส. ได้เรียกร้องค่าเสียหายและค่ารักษาพยาบาลตัวเองและของภรรยาเป็นเงินรวม 27,500 บาทและไม่ติดใจเรียกร้องค่าเสียหายอื่นใดอีกต่อไปทั้งทางแพ่งและอาญาก็ตาม แต่ก็ยังมีข้อความอีกว่า สำหรับรถยนต์ของพันจ่าอากาศเอก ส. นั้นคู่กรณีทั้งสองฝ่ายจะไปทำการเจรจากันในภายหลังต่อไป แสดงว่าคู่กรณีเจตนาแยกการเรียกค่าเสียหายจากการซ่อมแซมรถยนต์ออกจากค่าเสียหายจำนวน 27,500 บาท พันจ่าอากาศเอกส. จึงไม่สูญสิทธิที่จะเรียกร้องค่าซ่อมแซมรถยนต์ในภายหลังเมื่อโจทก์ผู้รับประกันภัยรถยนต์ของพันจ่าอากาศเอก ส. ได้นำรถยนต์ดังกล่าวไปซ่อมแซมและชำระค่าซ่อมแซมแล้ว โจทก์ย่อมเข้ารับช่วงสิทธิของพันจ่าอากาศเอก ส. ในอันทีจะเรียกร้องเงินค่าซ่อมแซมรถยนต์จากจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 880.(ที่มา-ส่งเสริม)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้รับประกันภัยรถยนต์หมายเลขทะเบียน2 ก-2370 กรุงเทพมหานคร จากนายโสภณ บุญรอด โดยมีเงื่อนไขว่าโจทก์จะใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อความเสียหายหรือสูญหายใด ๆ แก่รถยนต์คันที่เอาประกันภัย ในระหว่างที่กรมธรรม์ประกันภัยของโจทก์มีผลคุ้มครอง จำเลยได้ขับขี่รถยนต์ด้วยความประมาท เป็นเหตุให้ชนกับรถยนต์คันที่เอาประกันภัยได้รับความเสียหาย โจทก์ได้ซ่อมแซมรถยนต์คันดังกล่าวพร้อมทั้งเสียค่ายกรถไป โจทก์จึงเข้ารับช่วงสิทธิจากผู้เอาประกันเรียกร้องค่าเสียหายจากจำเลย ขอให้ศาลพิพากษาบังคับให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การต่อสู้หลายประการ และต่อสู้ด้วยว่าหลังเกิดเหตุจำเลยและผู้ขับขี่รถยนต์คันที่เอาประกันได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความระงับข้อพิพาทในการเรียกร้องค่าเสียหายซึ่งกันและกัน โจทก์จึงไม่สามารถรับช่วงสิทธิของผู้ขับขี่รถยนต์คันดังกล่าวมาเรียกร้องให้จำเลยชำระค่าเสียหาย
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยชำระค่าเสียหายแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2526 บริษัทโจทก์ได้รับประกันภัยรถยนต์เก๋งหมายเลขทะเบียน 2 ก-2370 กรุงเทพมหานคร ไว้จากพันจ่าอากาศเอกโสภณบุญรอด ในวงเงิน 100,000 บาท อายุสัญญา 1 ปี ตามสำเนากรมธรรม์ประกันภัย เอกสารหมาย จ.3 วันที่ 29 ตุลาคม 2526 เวลา 2 นาฬิการถยนต์คันดังกล่าวได้แล่นจากวัดเบญจมบพิตรไปทางสี่แยกทางรถไฟขณะนั้นจำเลยได้ขับขี่รถยนต์เก๋งหมายเลขทะเบียน 6 ข-4624กรุงเทพมหานคร สวนทางมาแล้วเกิดชนกัน พนักงานสอบสวนมีความเห็นว่าจำเลยเป็นฝ่ายประมาท จำเลยยินยอมเสียค่าปรับเป็นเงิน 400 บาทวันที่ 2 มีนาคม 2527 พันจ่าอากาศเอกโสภณได้เจรจาตกลงกับจำเลยเรื่องค่าเสียหาย และค่ารักษาพยาบาลจำเลยยินยอมใช้เงินตามที่พันจ่าอากาศเอกโสภณเรียกร้องจำนวน 27,500 บาท ปรากฏตามรายงานเบ็ดเสร็จประจำวัน เอกสารหมาย จ.4 หลังเกิดเหตุโจทก์ได้นำรถยนต์เก๋งหมายเลขทะเบียน 2 ก-2370 ไปซ่อมแซมและได้จ่ายเงินค่าซ่อมไปแล้วคดีมีปัญหาว่าโจทก์ได้รับช่วงสิทธิที่จะเรียกร้องค่าเสียหายจากจำเลยตามฟ้องหรือไม่ พิเคราะห์เอกสารหมาย จ.4 ปรากฏใจความว่า”พันจ่าอากาศเอกโสภณ บุญรอด พร้อมด้วยนายพิศาล อังกูรวิรุทธ์ ได้มาสถานีตำรวจและทำการเจรจาตกลงค่าเสียหายและค่ารักษาพยาบาล…คู่กรณีทั้งสองฝ่ายได้ขับขี่รถยนต์เกิดเหตุชนกันขึ้นได้รับความเสียหายทั้งสองฝ่ายได้รับบาดเจ็บ และมี…ภรรยาของพันจ่าอากาศเอกโสภณ และนั่งมาในรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน 2 ก-2370 ซึ่งพันจ่าอากาศเอกโสภณเป็นผู้ขับขี่ได้รับบาดเจ็บด้วย…ฝ่ายพันจ่าอากาศเอกโสภณได้เรียกร้องค่าเสียหายและค่ารักษาพยาบาลตัวเองและของนางจำปีภรรยาเป็นเงินรวม 27,500 บาท และไม่ติดใจเรียกร้องค่าเสียหายอื่นใดอีกต่อไปทั้งทางแพ่งและอาญา…นายพิศาล…ได้มอบเงินสดจำนวนดังกล่าว มอบให้ทางฝ่ายพันจ่าอากาศเอกโสภณรับไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน 2 ก-2370 ที่เป็นรถยนต์ของพันจ่าอากาศเอกโสภณเองนั้น คู่กรณีทั้งสองฝ่ายจะไปทำการเจรจากันในภายหลังต่อไป…” เห็นว่า ข้อความว่า “…ฝ่ายพันจ่าอากาศเอกโสภณได้เรียกร้องค่าเสียหายและค่ารักษาพยาบาลตัวเองและของนางจำปีภรรยาเป็นเงินรวม 27,500 บาท” นั้น เกี่ยวโยงสืบเนื่องจากข้อความแสดงความบาดเจ็บของคู่กรณีทั้งสองฝ่ายและภรรยาของพันจ่าอากาศเอกโสภณ แสดงเจตนารมณ์ของคู่กรณีว่า เงิน27,500 บาทดังกล่าวเป็นค่าเสียหายและค่ารักษาพยาบาลของพันจ่าอากาศเอกโสภณและภรรยาเท่านั้น แม้จะมีใจความต่อไปว่า “…และไม่ติดใจเรียกร้องค่าเสียหายอื่นใดอีกต่อไปทั้งทางแพ่งและทางอาญา2…” ก็ตาม แต่ก็ยังมีข้อความขยายอธิบายอีกว่า “…สำหรับรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน 2 ก-2370…คู่กรณีทั้งสองฝ่ายจะไปทำการเจรจากันในภายหลังต่อไป” ซึ่งแสดงว่าคู่กรณีเจตนาแยกการเรียกค่าเสียหายจากการซ่อมแซมรถยนต์คันซึ่งพันจ่าอากาศเอกโสภณขับให้แยกออกจากค่าเสียหายจำนวน 27,500 บาท ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อตกลงระหว่างพันจ่าอากาศเอกโสภณและจำเลยในรายงานประจำวัน เอกสารหมาย จ.4ไม่ทำให้พันจ่าอากาศเอกโสภณสูญสิทธิที่จะเรียกร้องค่าซ่อมแซมรถยนต์ในภายหลัง เมื่อได้ความจากนางสาวพนิดา ศุภวิไล ผู้รับมอบอำนาจโจทก์และนายสมเกียรติ ลิขิตรักษ์วงศ์ พนักงานอู่สมรภูมิคาร์แคร์ว่าโจทก์ได้นำรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน 2 ก-2370 ไปซ่อมแซมที่อู่ดังกล่าวและได้ชำระค่าอะไหล่ ค่าแรง จำนวน 39,143 บาท ตามใบบิลเงินสด เอกสารหมาย จ. 16 อันเป็นราคาพอสมควรแล้ว โจทก์ผู้รับประกันภัยจึงรับช่วงสิทธิพันจ่าอากาศเอกโสภณในอันที่จะเรียกร้องเงินจำนวนดังกล่าวจากจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 880 ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าวแก่โจทก์ ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย”
พิพากษายืน

Share